รูปมนุษย์หน้าประหนึ่งเนื้อ
นามกระไลย โกฏิแฮ
บุตรอิสีสิงค์ไสย ศาสตรรู้
ระบอบระบิลไตร ดายุค โพ้นพ่อ
นั่งหย่องสองหัตถ์คู้ ศอกแก้ลมขาฯ
พระศรีวิสุทธิวงศ์
(ถอดความ)
ฤๅษีผู้มีรูปกายเป็นมนุษย์ แต่มีใบหน้าเหมือนกวางตนนี้ มีนามว่ากระไลยโกฏิ
เป็นบุตรฤๅษีอิสีสิงค์ รอบรู้ในทางไสยศาสตร์
มีชื่อเสียงเลื่องลือตั้งแต่สมัยไตรดายุค (ยุคที่ ๒ ตามคติจตุรยุคของพราหมณ์
อันประกอบไปด้วย กฤดายุค-ไตรดายุค-ทวาบรยุค-กลียุค) ท่านนั่งหย่อง (หรือกระโหย่ง
คือนั่งเอาปลายเท้าตั้งลงที่พื้น ส้นเท้าทั้งสองรับน้ำหนัก)
พับแขนงอศอกทั้งสองข้าง เพื่อแก้ลมในขา
ในบทละคร
“รามเกียรติ์” พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑
เปิดตัวฤๅษีกไลโกฏว่า
๏
มาจะกล่าวบทไป
ถึงพระกไลโกฏฤๅษี
เป็นบุตรอิสีสิงฆมุนี
มฤคีนั้นเป็นมารดา
แต่บิดรยังไม่บรรลัย
ก็ได้ฌานโลกีย์แกล้วกล้า
อยู่ยังสาลวันอรัญวา
แดนพาราโรมพัตตัน
ได้พรพระสยมภูวญาณ
ตบะกิจการฌานกวดขัน
สร้างพรตอดจิตเป็นนิรันดร์
ฝนนั้นแล้งไปถึงสามปี ฯ
นั่นคือ กระไลยโกฏิ หรือกไลโกฏ
เป็นบุตรฤๅษีอิษีสิงค์ ที่เกิดจากมารดาซึ่งเป็นกวาง (จึงเป็นลูกครึ่ง
คือมีตัวเป็นคนแต่มีหัวเป็นกวาง) ท่านบำเพ็ญตบะอยู่ ณ ป่าสาลวัน
จนทำให้เมืองโรมพัตตันเกิดฝนแล้งถึง ๓ ปี ท้าวโรมพัตจึงให้ธิดา คือนางอรุณวดี
ไปยั่วยวนทำลายตบะ
ฤๅษีกไลโกฏอยู่แต่ในป่ามาทั้งชีวิต
ไม่เคยพบพานอิสตรีใด จึงบังเกิดความสงสัยว่านี่คือสัตว์ชนิดไหนหนอ
เหตุใดจึงไปมีเขาอยู่ที่หน้าอก ครั้นเผลอจับต้องดู ไปๆ มาๆ
จึงเกิดบทอัศจรรย์ขึ้นระหว่างพระฤๅษีกับนางอรุณวดี จน “ตบะแตก” ฝนตกฟ้าร้องตามธรรมเนียม
๏
ก็เสียตบะกิจพิธีกรรม์
พลาหกครื้นครั่นคะนองฝน
ฟ้าเปรี้ยงเสียงสนั่นอึงอล
ตกจนนองพื้นพสุธา ฯ
ภายหลัง
ฤๅษีกไลโกฏได้รับกิจนิมนต์ให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพระฤๅษี
ไปอัญเชิญพระนารายณ์อวตารลงมาปราบอสูร
และยังได้เป็นหัวหน้าเชฟของทีมฤๅษีผู้ประกอบพิธีหุงข้าวทิพย์
เพื่อขอโอรสให้แก่ท้าวทศรถ จนเกิดเป็นพระราม พระลักษมณ์ พระพรต และพระสัตรุด
ข้อมูลจาก SARAKADEE.COM
ฤๅษีกไลโกฏเป็นตัวละครในบทละครเรื่องรามเกียรติ์
เป็นบุตรของฤๅษีอิสีสิงฆะ*กับนางกวาง กายเป็นมนุษย์แต่หน้าเป็นกวาง
อาศัยอยู่ในป่าเขตเมืองโรมพัต* ฤๅษีกไลโกฏมีตบะแก่กล้า
เพราะได้พรจากพระอิศวร*ให้มีฤทธิ์ทางบำเพ็ญพรต
เมื่อฤๅษีบิดามรณภาพแล้ว
ฤๅษีกไลโกฏก็อยู่เพียงลำพัง ครั้งหนึ่งได้บำเพ็ญตบะอย่างหนัก ด้วยฤทธิ์อำนาจของตบะทำให้ฝนไม่ตกในเมืองโรมพัตนานถึง 3 ปี ชาวเมืองเดือดร้อนมาก เมื่อพรานป่ามาทูลท้าวโรมพัต*ว่าสาเหตุที่ฝนแล้งนานหลายปีเป็นเพราะอำนาจตบะของฤๅษี
ท้าวโรมพัตจึงออกอุบายให้นางอรุณวดี*พระธิดาไปทำลายตบะ
ฤๅษีกไลโกฏบวชเป็นดาบสตั้งแต่เด็กและอยู่ในป่ากับบิดาเพียงลำพังจึงไม่เคยเห็นมนุษย์ที่เป็นสตรีเพศมาก่อน เมื่อนางอรุณวดีเข้ามาหา
ฤๅษีกไลโกฏเข้าใจว่าเป็นสัตว์มีเขาที่หน้าอกดังคำประพันธ์ที่ว่า
ไม่เคยเห็นรูปสตรี
มีความสงสัยก็พิศดู
เห็นเขาติดอกครัดเคร่ง
ดั่งปทุมตูมเต่งทั้งคู่
สัตว์นี่เป็นไฉนจึงไม่รู้
จะเป็นหมู่เดียรฉานนามใด
ตริแล้วจึ่งกล่าววาที
เอ็งนี้เป็นสัตว์จำพวกไหน
จึงมีเขาที่อกกูหลากใจ
ไม่เคยพบเห็นแต่ก่อนมา
นางอรุณวดีใช้มารยาเข้ายั่วยวนฤๅษีกไลโกฏ ฤๅษีกไลโกฏได้นางเป็นภรรยา การบำเพ็ญตบะของฤๅษีกไลโกฏจึงถูกนางอรุณวดีทำลายได้สำเร็จ
ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลดังเดิม
ต่อมากองทัพของท้าวโรมพัตเชิญฤๅษีกไลโกฏเข้ามาอยู่ในพระราชวัง
เมื่อท้าวทศรถ*จะทำพิธีขอโอรส
ฤๅษีวสิษฐ์*และฤๅษีวิศวามิตร*
พระอาจารย์ของท้าวทศรถแนะนำให้เชิญฤๅษีกไลโกฏมากรุงอยุธยา*เพื่อร่วมทำพิธีขอโอรสเพราะฤๅษีกไลโกฏมีตบะกล้าแข็งจะทำให้ได้โอรสที่มีฤทธิ์มาก
ท้าวทศรถพร้อมฤๅษีวสิษฐ์และฤๅษีวิศวามิตรจึงเดินทางไปเมืองโรมพัตเพื่อเชิญฤๅษีกไลโกฏมาทำพิธี
เมื่อทำพิธีขอโอรสสำเร็จแล้ว ฤๅษีกไลโกฏก็กลับเมืองโรมพัต
ไปอยู่กับนางอรุณวดีดังเดิม
ผู้เรียบเรียง สยาม
ภัทรานุประวัติ
เจ้าของสิทธิ์ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
ภาพจากเว็บพระ




