วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561

พระกริ่งปวเรศ

     พระกริ่งปวเรศสร้างโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศฯ วัดบวรนิเวศ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2400 ต้น ๆ ว่ากันว่าเป็นสูตรการสร้างพระกริ่งตกทอดมาจาก พระพนรัตน์วัดป่าแก้ว (ในสมัยกรุงศรีอยุธยา)  คือเป็นแบบโลหะผสม 9 ชนิดหรือนวโลหะ เป็นกริ่งแบบปิดฝาที่ก้น เชื่อกันว่าเมื่ออาราธนาแล้วแช่น้ำมนต์จะรักษาโรคได้ โดยเฉพาะโรคอหิวาต์ (โลหะที่ผสมไว้เมื่อเจอน้ำจะทำให้น้ำมีคุณสมบัติรักษาโรคได้) ประกอบกับพุทธคุณซึ่งเกจิอาจารย์ผู้สร้างได้ปลุกเสกร่วมด้วย








     พระกริ่งปวเรศจะมีโค้ดเมล็ดงาที่ใกล้ ๆ ฐานบัวด้านหลัง โลหะที่ใช้ปิดก้นหรือใต้ฐานพระจะเป็นทองแดง หรือทองเหลืองก็ได้ สนนราคาถ้าสวยสมบูรณ์จะตกที่ 30 ล้านบาท จำนวนการสร้างอยู่ระหว่าง15-30องค์ เนื่องจากการสร้างน้อยจึงหายากมาก ส่วนมากผู้สร้างจะแจกให้เชื้อพระวงศ์ เป็นส่วนใหญ่ น้องที่รู้จักกันเล่าว่าเพื่อนเขาเคยไปเหมาพระตามบ้านได้มาองค์หนึ่งค่อนข้างสึก เซียนใหญ่ที่ห้างแถวงามวงค์วาน สนใจขอต่อรองราคาและเช่าไปในที่สุด 


พระกริ่งปวเรศจากคมชัดลึก

     ต่อมาตำราการสร้างได้ตกทอดมาถึงท่านเจ้ามาวัดสามปลื้ม และมาถึงสมเด็จพระสังฆราชแพวัดสุทัศน์

ขอบคุณภาพประกอบจากสนามพระฉบับที่ 69 และคมชัดลึก
     

     เพิ่มเติมข้อมูล

      พระกริ่งปวเรศ กำเนิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2417-พ.ศ.2425 ผู้สร้างคือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ตามตำนานวัดบวรนิเวศวิหารกล่าวว่า พระกริ่งนี้สร้างขึ้นเมื่อใด จำนวนเท่าใด ไม่พบหลักฐาน สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เคยรับสั่งเล่ารวมใจความเท่าที่มีผู้กำหนดได้ว่า พระกริ่งปวเรศนั้น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงสร้างขึ้นเพื่อถวายเจ้านาย มีจำนวนน้อยไม่เกิน 30 องค์
พระกริ่งปวเรศ องค์ดั้งเดิมที่วัดบวรฯ เก็บรักษาไว้
     ในตำนานวัดบวรฯยังกล่าวอีกว่า...พระกริ่งปวเรศสร้างจำนวนน้อยไม่เกิน 30 องค์ (บางท่านก็ว่าสร้างเพียง 9 ถึง 10 องค์เท่านั้น) แต่หลวงชำนาญ (หุ่น) สมุห์บัญชีในกรมของพระองค์ (ซึ่งเป็นไวยาวัจกรวัดในสมัยที่ทรงครองวัดและสืบมาจนถึงสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงครองวัดในเบื้องต้น) ได้ขอประทานพระอนุญาตนำแบบพิมพ์ไปสร้าง ได้ไปสร้างอีกเท่าไรไม่ทราบ...
     ร.อ.หลวงบรรณยุทธชำนาญ นักนิยมพระเครื่องชั้นครูในอดีต ผู้เขียนตำราพระเครื่องคนแรกของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2488 กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า...พระกริ่งปวเรศได้สร้างเป็นสองคราว คราวแรกอุดก้นด้วยทองแดง คราวที่สองอุดก้นด้วยทองเหลือง


ด้านหลังพระกริ่งปวเรศ(คนละองค์กับวัดบวรฯ)

     นั่นหมายความว่าพระกริ่งปวเรศที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้างขึ้นนั้น เป็นชนิดที่อุดก้นด้วยทองแดงเท่านั้น และมีพุทธลักษณะแบบเดียวกับพระกริ่งปวเรศองค์ตัวอย่าง ที่ทางวัดบวรนิเวศได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่อดีตกระทั่งได้ตกทอดมาถึงปัจจุบัน
     พุทธลักษณะ พระกริ่งปวเรศเป็นพระได้เค้าแบบมาจากพระกริ่งของจีน องค์พระประทับนั่งมารวิชัยบนบัวสองชั้น 7 กลีบ และมีบัวหลังเพิ่มอีก 1 กลีบ สร้างด้วยโลหะสัมฤทธิ์ (นวโลหะ) เนื้อในออกสีจำปา สนิมตามผิวออกสีน้ำตาลแก่อมดำ ด้านก้นฐานอุดด้วยแผ่นทองแดงบุ๋มเป็นแอ่งกระทะ ภายในบรรจุเม็ดกริ่งไว้ เขย่าเสียงดัง ที่ด้านข้างของกลีบบัวด้านหลังตอกโค้ดเม็ดงาเอาไว้ด้วย พระกริ่งปวเรศบางองค์ได้ผ่านการแต่งของช่างก็มี กระนั้นพุทธลักษณะขององค์พระต้องอยู่ในแนวเดียวกัน


พระรูปหล่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศฯ

     พระกริ่งปวเรศเป็นที่ลำ่ลือถึงความศักดิ์สิทธิ์สูงเยี่ยมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด รวมทั้งนำมาทำน้ำมนต์รักษาโรคได้ขลังยิ่ง ดังนั้นพระกริ่งปวเรศ ชนิดก้นทองแดง จึงมีราคาเช่าหาสูงถึง 40 ล้านบาทเลยทีเดียว
     ทางด้านหนังสือพระยอดนิยม ฉบับที่ 35 พูดถึงประเด็นเม็ดกริ่งไว้ว่า "เม็ดกริ่ง หรือ ผลคุณ นั้น สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงจารึกพระนาม พระพุทธเจ้าในอดีต 6 พระองค์คือ พระวิปัสสี พระสิขี พระเวสสภู พระกุกุสันโธ พระโกนาคม พระกัสสปะ จารึกลงในแผ่นโลหะสัมฤทธิ์ และหลอมโลหะนั้นให้ละลายตัว แล้วจึงหยดลงในน้ำพระพุทธมนต์ ประทุมนิมิตร ปัญจสุทธินที เมื่อโลหะที่ละลายตัวถูกน้ำพระพุทธมนต์ก็จะจับตัวแข็งเป็นเม็ดโลหะเล็ก ๆ ซึ่งได้นำมาบรรจุเข้าในพระกริ่งนั้นต่อไป"


เรียบเรียงโดยกฤษฎา ปาลีเรียม จากหนังสือเซียนพระฉบับที่ 350


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...