บทความต่อไปนี้พูดถึงแก่งหลี่ผีจากหนังสือ
ประวัติ อภินิหารพระเครื่องหลวงปู่แหวน โดยบุรีรัตนา (ยกเว้นตัวหนังสือสีเขียว)
วนเวียนอยู่ในฝั่งลาวอยู่อีกหลายวัน พระอาจารย์ตื้อ
ก็ชวนหลวงปู่แหวนย้อนกลับมาฝั่งไทยอีกครั้ง
การข้ามฝั่งมาสู่ไทยนั้นเป็นการยากลำบากด้วยกระแสน้ำที่พัดแรงเชี่ยวจนไม่มีเรือแพพอจะข้ามฝั่งได้ง่าย
ต้องลัดเลาะมาตามชายฝั่งหาที่ปลอดภัย ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้เรือแจว เรือถ่อเป็นพาหนะ
ถ้าหากใครขืนใช้แน่นอนจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่แม่น้ำโขง
แก่งต่าง ๆ มีอยู่มากมายทั้งที่เต็มไปด้วยอันตรายและปลอดภัยได้แก่
แก่งคันตะเกียน แก่งไก่แม่ฟัก แก่งยางกุด แก่งถ้ำแดง แก่งพ่อหมาแดง
แก่งที่อันตรายคือ แก่งบ้านเหวิน ไปจนถึงสุวรรณเขต ถึงแก่งกกเผึ้ง ระยะทางประมาณ
500 เมตรเศษ ๆ
แก่งที่สำคัญมีชื่อในประวัติศาสตร์ก็คือ แก่งหลี่ผี
คำว่าหลี่เป็นภาษาอิสานมีความหมายถึง
เครื่องมือดักปลาชนิดหนึ่งสานด้วยไม้ไผ่รูปยาวรีใช้ดักปลาตามร่องน้ำ หลี่ผีก็คือ
เครื่องมือดักปลาของผีไม่ใช่ของคน จึงน่าจะมี ประวัติความสำคัญอันเกี่ยวพันถึงความเร้นลับอย่างแน่นอน
ชาวอิสานละแวกนี้ส่วนใหญ่มีความเชื่อเรื่องผีเรื่องสางกันมาก
ชีวิตประจำวันของเขาจึงมักจะเชื่อถือเรื่องโชคลาง ผี สาว เทวดา
แก่งหลีผีหรือเกาะหลี่ผีนี้มีความกว้างพื้นที่ไม่น้อยกว่า 15-20 กิโลเมตร มีชาวบ้านอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก
มีวัดอยู่วัดหนึ่ง บันทึกกล่าวว่า พระครูโพนสะเม็กได้สร้างเอาไว้
ระหว่างที่ท่านผ่านมาทางแก่งหลี่ผีนี้
ส่วนตัวผมเคยดูรายการท้าพิสูจน์ทางช่อง 7
สมัยที่ยังเป็นอนาลอกอยู่ ดำเนินรายการโดยคุณฐาปกรณ์ เขาบอกว่า แก่งหลี่ผีเกิดจากการยกทัพไปทำสงครามกับลาวหรือเขมรนี่แหละ
เนื่องจากจะยกทัพข้ามไปลาวต้องข้ามแม่น้ำโขงก่อน เจ้าพระยาจักรีซึ่งเป็นแม่ทัพ
(รัชกาลที่ 1) มีรับสั่งทหารให้ขนหินถมบริเวณที่จะยกทัพข้ามไปลาว ถือได้ว่าเป็นกฤษฎาภินิหารของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชซึ่งจะได้เป็นปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์จักรีเลยทีเดียว
เมื่อถมหินได้แล้วจึงยกทัพข้ามไปได้ และตรงนั้นได้กลายมาเป็นแก่งหลี่ผีในปัจจุบัน
พระอาจารย์ตื้อและหลวงปู่แหวนได้พากันเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยการใช้เรือถ่อข้ามมา
ในช่วงที่มีอันตรายน้อยที่สุด เพราะบริเวณแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายจากธรรมชาติ
กระแสน้ำวนไหลแรงห่างไปไม่ไกลนัก
มีแก่งหินประหลาดไม่กว้างเท่าไหร่มีต้นไม้อยู่ต้นเดียวตั้งโดดเดี่ยวอยู่ รอบ ๆ
เต็มไปด้วยกระแสน้ำที่แรงและเชี่ยวจัด
![]() |
ขอบคุณภาพแก่งหลี่ผีจากอินเตอร์เน็ต |
ปลาประหลาด ๆ มีปรากฏที่นี่
แต่ชาวบ้านไม่กล้าจับ คือปลาเงือก มีลักษณะเหมือนวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี
ตัวเงือกนั้นมีลักษณะเหมือนปลาช่อนตัวโตกว่า เวลาว่ายน้ำไม่ได้ว่ายแบบปลาทั่ว ๆ ไป
แต่ว่ายตัวตั้งตรงโผล่ส่วนหัวขึ้นมา มีลักษณะคล้ายเด็กแดง ๆ ว่ายน้ำ
มีหน้าตาหูหัวเหมือนคน ยิ่งไปกว่านั้น ปลาเงือกเหล่านี้มี “นม”
เครื่องเพศของสตรีสองเต้า
ชาวบ้านไม่กล้าจับกินหรือแม้แต่จับเอามา เขามีความเชื่อว่าปลานี้คือ
ภูตผีที่จำแลงกาย พระอาจารย์ตื้อได้เล่าให้นายอินศรศิษย์ที่เชียงใหม่ฟังว่า
ท่านได้พบเห็นสิ่งแปลกประหลาดหลาย ๆอย่าง ระหว่างที่ท่องอยู่ในดินแดนของราชอาณาจักรลาว
เช่นปลาเงือกไม่เคยพบเห็นจากที่ใด ดูแล้วเหมือนเด็กว่ายน้ำ
ปลาบึกที่มีขนาดใหญ่ตัวเท่าควายในลำน้ำโขง
คนสามารถยืนบนหลังเวลามันว่ายน้ำได้อย่างสบาย
ผู้คนที่อยู่บนแก่งหลี่ผีนั้น
ส่วนใหญ่ทำมาหากินคือทำประมงจับปลา ทำแห้งแล้วนำไปขายสุวรรณเขตและฝั่งไทย
มีชีวิตและความเป็นอยู่แบบง่าย ๆ มีความสุขดีเคารพนับถือพระ
แต่ก็มีความหวาดกลัวเรื่องภูตผี
ผู้คนเหล่านี้ ดั้งเดิมติดตาม พระครูโพนสะเม๊ก
มาแล้วท่านได้ปล่อยทิ้งเอาไว้ที่นี่ เพราะเห็นทำเลชัยภูมิดีเหมาะแก่การทำมาหากิน
ท่านได้สร้างวัดเอาไว้เพื่อให้เป็นจุดศูนย์กลาง โดยปล่อยผู้คนให้เฝ้าดูแลรักษาวัด