พระเนื้อเมฆสิทธิ์ของเก่ามีสร้างกันไม่กี่ท่าน
ที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดก็คือของพระอาจารย์ทับ วัดอนงคารามฝั่งธนบุรี
และก็ยังมีของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า
ซึ่งเข้าใจว่าคงจะได้รับการถ่ายทอดการสร้างจากพระอาจารย์ทับนั่นเอง
พระเนื้อเมฆสิทธิ์ได้ยินนักเลงพระรุ่นเก๋าบอกว่าเป็นพระเนื้อเมฆพัดเข้าทองคำ (ส่วนตัว กฤษฎา เคยเห็นพระเมฆสิทธิ์ที่แตกเมื่อสังเกตุจะเห็นสายแร่ทองคำเป็นเส้นเลย) และตกแตกเช่นกัน
โลหะเมฆสิทธิ์มีความขลังตามธรรมชาติ
แม้ไม่ได้ทำเป็นรูปพระก็มีความขลังในตัวเอง เมื่อนำมาทำเป็นพระเครื่องและทำการปลุกเสกก็จะยิ่งขลังขึ้นไปอีก
พระเนื้อเมฆสิทธิ์ที่พระอาจารย์ทับสร้างไว้ก็มี พระปางซ่อนหา พระข้างรัศมี
พระปิดตา และลูกอม เป็นอาทิ ส่วนพระเนื้อเมฆสิทธิ์ที่หลวงปู่ศุขสร้างก็มีพระพิมพ์ประภามณฑลดังภาพ
![]() |
พระเมฆสิทธิ์หลวงปู่ศุขพิมพ์ประภามณฑล |
พระเนื้อเมฆสิทธิ์เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุของพระอาจารย์รุ่นเก่า
สูตรการผสมและการซัดแร่เมื่อก่อนไม่มีใครรู้ จนกระทั่งปี 2526-2527 เริ่มมีคนผสมและหลอมได้ ตอนนั้นเขาทำกันเงียบ ๆ เป็นวงใน
คนมักคุ้นกันนำเอาก้อนโลหะเมฆสิทธิ์ที่หลอมขึ้นมาใหม่มาให้ชม
สีเข้มกว่าและสดกว่าเนื้อเมฆสิทธิ์ของโบราณ
อีกทั้งสีเหลือบปีกแมลงทับบนผิวก็เข้มกว่า และอีกหลายปีต่อมาคือปี 2532 หลวงพ่อดีวัดพระรูปท่านก็สร้างพระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ออกมา
เป็นที่นิยมชมกันมาก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ชัดเจนว่า
![]() |
พระปิดตาพระอาจารย์ทับวัดอนงคาราม |
พระเนื้อเมฆสิทธิ์ของหลวงพ่อดี
มีความเข้มกว่าและสดกว่าพระของเก่าอย่างของพระอาจารย์ทับหรือพระของหลวงปู่ศุข
สรุปก็คือ พระเนื้อเมฆสิทธิ์ของเก่าสีพระจะไม่เข้มมาก ยิ่งพระผ่านการใช้มาแล้ว
สีจะจางเหลืองอ่อนอมคล้ำ และผิวจะแห้งคร่ำบ่งบอกถึงอายุ อีกทั้งเหลือบปีกแมลงทับของผิวพระของเก่าก็จางกว่า
ข้อมูลเรื่องและภาพจากหนังสือเซียนพระฉบับที่ 408