วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

พระสุริยันจันทรา ปี 47

   
พระสุริยันจันทรา รุ่นบูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547

     ลือลั่นสนั่นเมือง M16 ไม่ระคายผิว...เสาะหาจ้าละหวั่น พระสุริยันจันทรา รุ่นบูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547
     เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2549 ได้ปรากฏข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์หลายฉบับถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญ มีผู้ถูกอาวุธสงครามยิงถล่มนับร้อยนัดแต่หนังเหนียวรอดตายได้เพราะปาฏิหาริย์พลังพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์ของ "พระสุริยัน จันทรา รุ่นบูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547" เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่อำเภอเวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานีตามข่าวดังนี้
องค์ที่ห้อยคอผู้ประสบเหตุฯ

     นายสุรเชษฐ์คนเจ็บที่ถูกยิงแต่กระสุนไม่ระคายผิวเล่าเหตุการณ์อย่างตื่นเต้นว่า "หลังจากตนกับนายสมศักดิ์มาให้ปากคำพนักงานสอบสวนและปล่อยตัวกลับ ได้นั่งรถฮอนด้า ซีอาร์วี ของนายสมศักดิ์ขับออกจากโรงพักมาถึงจุดเกิดเหตุ พบรถกระบะอีซูซุสีเขียวไม่ทราบหมายเลขทะเบียนจอดติดเครื่องรออยู่ข้างทาง ทันใดนั้นคนร้ายสองคน ได้ลุกพรวดขึ้นมาจากท้ายรถกระบะกระหน่ำยิงใส่หูดับตับไหม้จนรถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง คนร้ายยังตามยิงอีกชุดใหญ่ นายสมศักดิ์ถูกกระสุนร่างพรุนเสียชีวิตคาที่ ระหว่างถูกยิงตนยังมีสติได้คว้า พระเครื่องศาลหลักเมืองรุ่นบูรณะปี 2547 ซึ่งมี พล.ต.ต ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นที่ปรึกษาฝ่ายจัดสร้างและพิธีกรรมอมไว้ในปากตลอดเวลา ระหว่างถูกยิงรู้สึกเพียงเสียวแปล๊บ เชื่อว่าที่ยิงไม่เข้าเพราะบารมีของพระเครื่องดังกล่าว ปกป้องคุ้มครองทำให้รอดชีวิตมาได้ แต่ทราบผลเอ็กซเรย์ว่า พบหัวกระสุนติดในผิวหนังหลายเม็ด ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกต่อไป" ทำให้ค่านิยมอยูในระดับ 3000-4000 บาท ต่อองค์ ในปี 2549

ภาพประกอบเรื่องราวดังกล่าว

     
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
     

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

บัญชรพระเครื่อง 21 02 63

     
พระบูชาหลวงพ่อทวด เนื้อโลหะปี 2504 หน้าตัก 5 นิ้ว

     พระบูชาหลวงพ่อทวด เนื้อโลหะ ปี 2504 หน้าตัก 5 นิ้ว วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี จากหนังสือโพธิ์เพชรฉบับที่ 43 ตุลาคม 2540 ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

บัญชรพระเครื่อง 19 02 63

   
หลวงพ่อเดิมพิมพ์นิยมเนื้ออัลปาก้า


     รูปหล่อ หลวงพ่อเดิม พิมพ์นิยม เนื้ออัลปาก้า จากปกหนังสือนิตยสารพระเครื่องเมืองสยาม ฉบับที่ 8 ขอขอบคุณมาณ.ที่นี้

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

บัญชรพระเครื่อง 18 02 63

 
หลวงพ่อทวดปี2514
 

      พระบูชาหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เนื้อโลหะ หน้าตัก 5 นิ้ว ปี พ.ศ. 2514 จากหนังสือโพธิ์เพชร ฉบับที่ 43 ตุลาคม 2540 ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

บัญชรพระเครื่อง 17 02 63

 
พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์เส้นด้าย

  พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย จากปกหนังสือคเณศ์พร ฉบับที่ 68 เมษายน 2538 ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

พระหลวงพ่อทวดเนื้อเมฆพัด

    
เนื้อเมฆพัดพิมพ์ที่หนึ่ง



เนื้อเมฆพัดพิมพ์ที่สอง

      พระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดใหญ่ เนื้อเมฆพัด ปี 2505 สำหรับพระหลวงพ่อทวดรุ่นแรก เนื้อเมฆพัดนี้ยังมีนักสะสมหน้าใหม่อีกหลายท่านที่ไม่รู้จัก อาจเพราะมีจำนวนสร้างน้อย คือเพียงแค่ 1980 องค์เท่านั้น พระชุดนี้สร้างเมื่อปี 2505 มีสองพิมพ์ด้วยกันเป็นพระหล่อแบบโบราณ เนื้อเปราะแตกง่าย วรรณะเนื้อในจะออกไปทางสีดำอมเทาแกมสีเงิน ส่วนวรรณะสีผิวจะกลับดำอมเทาเล็กน้อย ด้านความแตกต่างของทั้งสองพิมพ์ให้ดูที่หัวเข่าด้านซ้ายขององค์พระ ระหว่างหัวเข่ากับบัวหงายถ้าเป็นพิมพ์หนึ่งจะมีเม็ดเนื้อกลม ส่วนพิมพ์สองจะไม่มี ด้านค่านิยมพิมพ์หนึ่งจะสูงกว่า คือประมาณ 4-6 หมื่นบาท ส่วนพิมพ์สองประมาณ 3-4 หมื่นบาท (ราคาเมื่อปี 2540)

จากหนังสือโพธิ์เพชรฉบับที่43 ตุลาคม 2540

พระหลวงพ่อทวดพิมพ์(B)

     พระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดใหญ่รุ่นแรก พิมพ์(B) ปี 2505 วัดช้างให้ จ.ปัตตานี มีจำนวนสร้าง 12000 องค์ สร้างปี 2505 เหตุที่เรียกเป็นพิมพ์ B หรือพิมพ์ที่สองก็เพราะมีความงดงามด้อยกว่าพิมพ์ A หรือพิมพ์ที่หนึ่ง เนื้อโลหะที่นำมาหล่อนั้น มีด้วยกัน 4 เนื้อคือ

เนื้อทองเหลืองผสมทองคำ

     1. เนื้อทองเหลืองผสมทองคำ วรรณะเนื้อในจะออกไปทางสีเหลืองสุกปลั่ง วรรณะสีผิวจะออกไปทางเหลืองออกสีทองคำอมน้ำตาล เมื่อผ่านการใช้ถูกเหงื่อ ผิวจะกลับเข้มไปทางสีน้ำตาลอมสีทองคำสุกปลั่ง ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าแก่ทองคำ หรืออ่อนทองคำ ด้านค่านิยมในองค์ที่แก่ทองคำจะประมาณ 6-7 หมื่นบาท ส่วนองค์ที่อ่อนทองคำจะลดลงมาเหลือ 4-5 หมื่นบาท (ราคาเมื่อปี 2540)


เนื้อทองแดงผสมทองคำ

     2. เนื้อทองแดงผสมทองคำ วรรณะเนื้อในจะออกไปทางสีน้ำตาลเข้ม วรรณะสีผิวจะออกไปทางสีน้ำตาลแดงอมสีทองคำเมื่อผ่านการใช้ถูกเหงื่อ ผิวจะกลับไปทางสีน้ำตาลไหม้อมทองคำสุกปลั่ง บางองค์จะปรากฏทองคำเป็นจ้ำ ๆ มากน้อยไม่แน่นอน ด้านค่านิยมเหมือนกับเนื้อทองเหลืองผสมทองคำ คือถ้าแก่ทองคำ 6-7 หมื่นบาท ส่วนที่อ่อนทองคำ 4-5 หมื่นบาท (ราคาเมื่อปี 2540)

เนื้อทองเหลือง

     3. เนื้อทองเหลือง วรรณะเนื้อในจะออกไปทางสีเหลืองอมเขียว วรรณะสีผิวจะออกไปทางเหลืองอมเขียวเช่นกัน เมื่อผ่านการใช้ถูกเหงื่อผิวจะกลับดำอมเขียวแก่ เนื้อทองเหลืองนี้ค่านิยมจะอยู่ราว ๆ 2-3 หมื่นบาท (ราคาเมื่อปี 2540)

เนื้อทองแดง

     4. เนื้อทองแดง วรรณะเนื้อในจะออกไปทางทองแดงอมชมพู วรรณะสีผิวจะออกไปทางสีน้ำตาลไหม้อมดำ เมื่อผ่านการใช้ถูกเหงื่อผิวจะกลับดำอมน้ำตาลแกมเขียวเล็กน้อย ด้านค่านิยมจะใกล้เคียงกับเนื้อทองเหลือง

จากหนังสือโพธิ์เพชรฉบับที่ 43 ตุลาคม 2540

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

การจับพระที่ถูกต้อง

   
สมเด็จหลวงปู่โต๊ะพิมพ์ก้งปลา จากเว็บพระ


     วันนี้ขอเล่าประสบการณ์การเดินสนามพระสักวัน วันนั้นไปเจอพระสมเด็จพิมพ์ก้างปลาหลวงปู่โต๊ะ แต่เนื้อไม่ใช่จึงนำมาส่องดู เนื้อเขาออกโซนขาว ๆ แต่น่าสนใจขณะส่องเพลิน ๆ พระดันหล่นลงพื้น โชคไม่ดีพื้นเป็นปูนพระหักครับ เสี้ยวหนึ่งตรงมุม ด้วยความรับผิดชอบผมถามว่าพี่รับผิดชอบเอง เท่าไหร่ น้องเจ้าของพระบอกว่าพันหนึ่ง โอเคพรุ่งนี้นะพี่ไม่ได้เอาตังค์มา น้องบอกครับอาจารย์ 
     วันรุ่งขึ้นผมจึงเอาเงินไปคืนน้องเขา และเป็นบทเรียนสำหรับผมเลยว่าถ้าจะจับพระมาส่องต้องจับด้วยนิ้วมือครับอย่าเอามาวางบนมือแล้วส่องเด็ดขาด ผมจึงต้องจ่ายพระองค์นั้นด้วยเงินพันบาทครับ อิอิ
และพระองค์นั้้นยังอยู่กับผมมาจนทุกวันนี้ ผมเอากาวต่อไว้
      ผมเป็นอาจารย์สอนที่เทคโนโลยีหมู่บ้านครู (กรุงเทพฯ) มาแปดปี ปวช. ปวส. ทางช่าง และมหาลัยธนบุรีมาหนึ่งปี ออกมาสอนข้างนอกสองปี สอนฝึกอาชีพ กทม.สิบปี (บางพลัด) ที่นี่เองที่ผมจะมาเดินดูพระทุกเช้า(ตลาดเช้าวัดบางพลัด จรัญ 79) เสาร์อาทิตย์สอนฝึกอาชีพที่สนามหลวงสอง ก็ไปเดินช่วงพัก (ดูพระ) ปัจจุบันไม่ได้สอนแล้วครับ 
     
     

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

หมากทุย หลวงพ่อวัดหนัง

 
หมากทุย จากเว็บพระพันทิพ

          "หมากทุย" เป็นเครื่องรางของขลังที่มีชื่อเสียงของวัดหนัง หลวงปู่เอี่ยมหรือท่านเจ้าคุณเฒ่าได้ปลุกเสกสร้างไว้เป็นอิทธิวัตถุมงคลตามตำรับของท่าน การสร้างหมากทุยประกอบด้วยขั้นตอนพิธีกรรมซับซ้อนอย่างพิถีพิถัน ดังนั้นการสร้างจึงสร้างได้เพียงจำนวนน้อย ส่วนใหญ่ผู้ที่ศรัทธาอยากได้จะต้องเจาะจงขอจากท่านและใช้ความเพียรพยายามเสาะแสวงหาหมากมาให้หลวงพ่อปลุกเสกสร้าง ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องดูฤกษ์ยามและบริกรรมคาถากำกับอย่างละเอียด
     หมากทุยที่ใช้ต้องเป็น "หมากทุยตายพรายทั้งต้น" คือ ต้นหมากที่ยืนตาย มีหมากทั้งทะลายแห้งตายติดค้างอยู่บนต้น การขึ้นไปเอาหมากลงมานั้น ต้องเข้าไปยืนที่โคนต้นแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออก บริกรรมคาถาทีละบทเมื่อจบบทหนึ่งค่อย ๆ ขยับปีนขึ้นไป เมื่อถึงคาถาบทที่สองให้หมุนตัวไปทางทิศตะวันตกแล้วบริกรรมบทที่สามปีนขึ้นไปจนถึงคอต้นหมาก แล้วจึงบริกรรมบทที่สี่เป็นบทสุดท้ายพร้อมกับเพ่งสมาธิไปที่ทะลายหมาก ให้ใช้ปากงับเอาผลหมากทุยนั้น เมื่อได้หมากแล้วให้นำไปถวายหลวงพ่อ
     เมื่อได้หมากทุยมาแล้ว หลวงพ่อจะแคะเอาเนื้อหมากออกจนหมด บรรจุแผ่นกระดาษยันต์ลงด้วย "นะปถมัง" อันเป็นยันต์ครูของ
ท่านพร้อมกับบริกรรมบทบรรจุ สำหรับยันต์นะปถมังประกอบด้วยหัวใจพระรัตนตรัย "มะอะอุ" และตัวอุนาโลมอยู่ด้านบน หัวใจธาตุทั้งสี่ "นะมะพะทะ" อยู่ด้านล่าง หัวใจพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ "นะโมพุทธายะ" ประจำอยู่สี่ทิศโดยมีตัวยะ บรรจุอยู่ตรงกลางนะปถมัง และสุดท้ายมีหัวใจมหาอุด "อุดธัง อัดโธ" ขนาบอยู่ซ้ายขวาของตัวนะ เมื่อบรรจุเสร็จแล้วจึงอุดรูหมากด้วยชันนะโรงใต้ดินซึ่งผ่านการปลุกเสกมาอย่างดี ชันโรงใต้ดินเป็นรังของตัวชันนะโรงที่อยู่ใต้ดินและได้ทิ้งรังไปแล้ว
     เมื่อเสร็จกรรมวิธีปลุกเสกแล้ว ผู้รับประสิทธิประสาทมักจะนำหมากทุยไปถักเชือกหุ้มแล้วลงด้วยยางรักหรือยางมะพลับ ด้านบนถักให้มีหูสำหรับห้อยติดตัว สรรพคุณของหมากทุยวัดหนังนับว่าเป็นเอกทางคงกระพันมหาอุด อีกทั้งยังใช้ป้องกันคุณไสยภูติผีปีศาจได้เป็นอย่างดี

จากหนังสือหลวงพ่อวัดหนัง (ศึกษาและสะสมฉบับพิเศษ)














วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

สมเด็จโตสำเร็จวิชาโสฬศ

   
สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) จากผู้จัดการออนไลน์

     นอกจากสมเด็จจะทรงคุณธรรมวิเศษทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังสำเร็จวิชาโสฬศอีกด้วย ในยุคนั้นมีบันทึกของพระนิมิตรอักษร (พุทธ เสนาลักษณ์) กล่าวถึงผู้ที่สำเร็จวิชาโสฬศ มี 12 รูป ใน 12 รูปนั้นมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) รวมอยู่ด้วยองค์หนึ่ง

     1. สมเด็จกรมพระยาปวเรศ วริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร
     2. ขรัวจาด สัพพัญญู วัดภาณุรังษี บางพลูใน
     3. ขรัวคลุมโปง วัดดีดวด หลังวัดอรุณราชวราราม
     4. ขรัวแก่น โคกขาม วัดในคลองบางซื่อ
     5. ขรัวเขียว วัดบางละมุดใต้ ตรงข้ามบางโพ
     6. เจ้าคุณพระธรรมกิตติ วัดรังษีสุทธาวาส
     7. พระอาจารย์เตา วัดสุนทรธรรมทาน นางเลิ้ง
     8. เจ้าคุณพระจันโทปมคุณมุนี วัดมกุฏกษัตริยาราม
     9. พระอาจารย์เหม วัดเทพากร บางพลู
     10. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตาราม
     11. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เขียว) วัดราชาธิวาส
     12. พระอาจารย์โพธิ์ วัดเทพนารี บางพลู

     ญาณอันเป็นเครื่องแจ้งเรียกโสฬศญาณ คือ
        -โสฬศญาณ 1
        -ญาณปรีชาทางมรรคผล 1
     มีผู้ขอหวยสมเด็จ เพราะทราบกิตติศัพท์มาว่า สมเด็จสำเร็จสรตะโสฬศ สมเด็จกล่าวกับผู้มาขอหวยว่า "พระเดชพระคุณละก้อ "ยอ" หม่อมฉันเสียด้วย" ท่านผู้นั้นคิดไม่ทันว่า สมเด็จให้หวยแก่ตนแล้วยังคงคิดว่าสมเด็จไม่ยอมให้ตามขอ จึงลาสมเด็จกลับ ปรากฏว่า เย็นนั้นหวยออก ย.ห้องชุน สมเด็จทราบดีว่าการเล่นหวยเป็นทางอบาย แต่ก็อดสงสารผู้มาขอหวยไม่ได้ ครั้นจะบอกให้ตรง ๆ ก็เป็นการส่งเสริมอบายมุขแก่ผู้นั้น จึงบอกให้ตามขอเป็นนัย ถ้าผู้ขอไหวทันก็ได้ไป ถ้าไหวไม่ทันก็ไม่ได้ มีอยู่มากในเรื่องการขอหวยจากท่าน

จากหนังสือเซียนพระพิเศษ 11 สมเด็จวัดระฆังสุดยอดพระเครื่องตลอดกาล











วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

วรรณะ (ศาสนาฮินดู) ในอินเดีย

     วรรณะในหลักความเชื่อของศาสนาฮินดู ได้แบ่งคนที่อยู่เป็น 4 วรรณะ มีหน้าที่แตกต่างกันออกไปตามความสำคัญของแต่ละบุคคล เพื่อแบ่งหน้าที่ทางสังคม เรียงตั้งแต่สูงถึงต่ำคือ

     1. พราหมณ์ มีหน้าที่สั่งสอนผู้คนให้มีความรู้ทางด้านขนบธรรมเนียมและประเพณี สีประจำตัวคือ สีขาว
     2. กษัตริย์ มีหน้าที่ปกครองบ้านเมือง สีประจำตัวคือ สีแดง
     3. ไวศยะ (แพศย์) มีหน้าที่ ใช้วาจาค้าขาย สีประจำตัวคือ สีเหลือง
     4. ศูทร มีหน้าที่ ใช้แรงงาน สีประจำตัวคือ สีดำ

การแต่งงานต่างวรรณะ
     การแต่งงานโดยที่สามีภรรยาอยู่วรรณะเดียวกัน เมื่อมีลูก ลูกก็จะอยู่ในวรรณะเดียวกับพ่อแม่ แต่หากบุคคลทั้ง 4 วรรณะนี้มีการแต่งงานข้ามวรรณะกัน จะมีวรรณะต่างกันเรียกว่าวรรณะสังกร และมีการแต่งงานประเภทต่าง ๆ ดังนี้

การแต่งงานที่ดี คือสามีอยู่ในวรรณะสูงกว่าภรรยา
    1. สามีวรรณะพราหมณ์ ภรรยาวรรณะกษัตริย์ จะมีลูกเป็นวรรณะมุรธาวสิกตะ
    2. สามีวรรณะพราหมณ์ ภรรยาวรรณะแพศย์ จะมีลูกเป็นวรรณะอัมพษฐะ
    3. สามีวรรณะพราหมณ์ ภรรยาวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะนิษาทะ
    4. สามีวรรณะกษัตริย์ ภรรยาวรรณะแพศย์หรือศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะมาหิษยะ
    5. สามีวรรณะแพศย์ ภรรยาวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะกรณะ

การแต่งงานที่ไม่ดี คือภรรยาอยู่ในวรรณะสูงกว่าสามี
    1. ภรรยาวรรณะพราหมณ์ สามีวรรณะกษัตริย์ จะมีลูกเป็นวรรณะสูตะ
    2.  ภรรยาวรรณะพราหมณ์ สามีวรรณะแพศย์ จะมีลูกเป็นวรรณะไวเทหถะ
    3.  ภรรยาวรรณะพราหมณ์ สามีวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะจัณฑาล กลุ่มนี้จะถูกเหยียดหยามจากสังคม แตะต้องไม่ได้ แม้แต่เงา
    4.  ภรรยาวรรณะกษัตริย์ สามีวรรณะแพศย์ จะมีลูกเป็นวรรณะมาคระ
    5.  ภรรยาวรรณะกษัตริย์ สามีวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะสูตะกษัตตฤ
    6.  ภรรยาวรรณะแพศย์ สามีวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะยาโยควะ

    นอกจากนี้ยังมีวรรณะอื่น ๆ อีก 3000 วรรณะ และวรรณะสังกรสามารถกลับมาเป็นวรรณะพราหมณ์ได้ไหม่อีกเช่นกัน

ขอบคุณที่มาคือ วิกิพีเดียสารานุกรมเสรีมากครับ และหาอ่านเพิ่มได้ในอินเตอร์เน็ตครับ















วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เรารักษาศีล ศีลรักษาเรา


หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ จากทีนิวส์

    ศีลเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการปฎิบัติธรรมทุกอย่าง หลวงพ่อมักจะเตือนเสมอว่าในขั้นต้นให้หมั่นสมาทานรักษาศีลให้ได้
     แม้จะเป็นโลกียศีล รักษาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บริสุทธิ์บ้าง ไม่บริสุทธิ์บ้าง ก็ให้เพียงระวัง รักษาไป สำคัญที่เจตนาที่จะรักษาศีลไว้ และปัญญาที่คอยตรวจตราแก้ไขตน
     "เจตนาหัง ภิกขเว สีลัง วทามิ" ท่านว่าเจตนาเป็นตัวศีล
     "เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ" เจตนาเป็นตัวบุญ
     จึงขอให้พยายามสั่งสมบุญนี้ไว้ โดยอบรมศีลให้เกิดขึ้นที่จิต เรียกว่า เรารักษาศีล ส่วนจิตที่อบรมศีลดีแล้ว จนเป็นโลกุตรศีลเป็นศีลที่ก่อให้เกิดปัญญาในอริยมรรคอริยผลนี้จะคอยรักษาผู้ประพฤติปฎิบัติมิให้เสื่อมเสียหรือตกต่ำไปในทางที่ไม่ดีไม่งามนี้แล เรียกว่า ศีลรักษาเรา

จากหนังสือ101ปีหลวงพ่อดู่พรหมปัญโญ(ขออนุญาตลงเพื่อเป็นวิทยาทาน)

เสกข้าว

    
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ จากแอปเกจิ

      
     ครั้งหนึ่งเคยมีศิษย์บางท่านนำข้าวมาให้หลวงพ่อท่านเสกอธิฐานจิตให้ทานเสมอ ซึ่งท่านก็เมตตาไม่ขัด แต่บ่อย ๆ เข้าท่านก็พูดว่า "เสกอะไรกันให้บ่อย ๆ เสกเองบ้างสิ" 
     คำพูดนี้ท่านได้ขยายความให้ฟังในภายหลังว่า คำว่า เสกเอง คือ การเสกตนเองให้เป็นพระ ซึ่งหมายถึงการปฎิบัติต่อจิตใจของตนเอง ยกระดับให้สูงขึ้น หรือมีใจเป็นพระบ้าง มิใช่จะเป็นท่านอธิษฐานเสกเป่าของภายนอก เพื่อหวังเป็นมงคลถ่ายเดียว โดยไม่คิดเสกตนเองด้วยตนเอง

จากหนังสือ 101ปีหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ (ขออนุญาตลงเพื่อเป็นวิทยาทาน)

พระที่คล้องใจ

     
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ จากทีนิวส์


     เมื่อมีผู้ไปขอของดีจำพวกวัตถุมงคลจากหลวงพ่อไว้ห้อยคอหรือพกติดตัว หลวงพ่อจะสอนว่า
     "จะเอาไปทำไม ของดีภายนอก ทำไมไม่เอาของดีภายใน...พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละ ของวิเศษ"
     ท่านให้เหตุผลว่า
     "คนเรานั้น ถ้าไม่มีพุทธัง ธัมมัง สังฆัง เป็นของดีภายใน ถึงแม้จะได้ของดีภายนอกไปแล้ว ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ... ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นพระจริง ๆ เห็นมีแต่พระปูน พระไม้ พระโลหะ พระรูปถ่าย พระสงฆ์ ลองกลับไปคิดดู"

จากหนังสือ101ปีหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ (ขออนุญาตเจ้าของครับ)

พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...