วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

พลังฤทธิ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี



     ในยุครัตนโกสินทร์ของเรานี้ยากที่จะหาพระเกจิอาจารย์องค์ใดที่จะมีพลังอภิญญาจิตและวัตรประฏิบัติได้เท่าเทียมกับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์พระองค์นี้ได้เลย แม้กระทั่งพระเครื่องที่ท่านได้สร้างขึ้นแจกฟรีเมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อนก็มีราคาเป็นสิบล้านยี่สิบล้าน ในเวลานี้เรื่องราวที่ท่านได้อ่านต่อไปนี้เป็นบันทึกที่ได้รับการจดจำและเล่าขานกันเป็นตำนานมาตราบเท่าทุกวันนี้

ขอทางเจ้าแม่ลานเท

     เรือสองแจวลำนั้นค่อย ๆ มุ่งลัดตัดไปตามลำน้ำเจ้าพระยาภายในมีพระภิกษุชราครองจีวรคร่ำนั่งบริกรรมชักประคำด้วยความสงบ แม่น้ำเจ้าพระยาในยามนี้คลื่นลมสงบ เรือสองแจวพายโดยเลกวัด (ทาสที่เขาถวายให้วัดเพื่อใช้ในกิจการของวัดแล้วแต่จะเห็นสมควร) พุ่งปราดไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ
     ดวงตะวันค่อย ๆ เคลื่อนดวงใกล้กับขอบฟ้าที่จรดกับผืนดินเข้าไปทุกทีท่ามกลางความขมุกขมัวนั้นท้องน้ำเบื้องหน้าเปิดกว้างออกเผยให้เห็นความกว้างของสองฝั่งอย่างเต็มตา ด้านฝั่งหนึ่งของลำน้ำแสงเทียนและธูปยังวับแวมพอสังเกตุเห็นเสียงเลกที่อยู่ด้านหน้ากราบเรียนท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เมื่อเห็นท่านลืมตาขึ้นจากการบริกรรม
     “พระคุณขอรับเข้าเขตลานเทแล้วละขอรับ จะให้จอดแวะพักก่อนหรือไม่ขอรับ ลานเทนี้เดินทางกลางคืนอันตรายมากเพราะบริวารเจ้าแม่นั้นมักจะออกมาเล่นน้ำ เคยลอยตัวให้ชาววังบนเรือพระที่นั่งได้เห็นมาแล้ว”
     “ไปเถิดโยม ฉันต้องไปถึงบ้านงานให้ได้ในคืนนี้ หาไม่แล้วพรุ่งนี้พิธีที่บ้านเขาจะไม่สะดวก เพราะฉันรับนิมนต์ไปเป็นประธานฉันเช้า”
     “ได้ขอรับ”
     เรือน้อยลำนั้นเปรียบประดุจเรือกระดานที่ล่องลอยไปในท้องน้ำอันเวิ้งว้าง พอเข้าไปในกึ่งกลางเขตลานเทสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น ท้องฟ้าเบื้องบนแลบแปลบปลาบ ลมพายุพัดกระหน่ำ ตีน้ำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นคลุ้มคลั่ง บางครั้งก็พัดโยกเอาหลังคาเรือกันยาที่แล่นไปข้างหน้าถึงกับเอียงวูบ
     ในท่ามกลางลูกคลื่นนั้นยังมีน้ำวนคล้ายกับถูกพลังของอะไรอย่างหนึ่งทำให้มันหมุนวนขึ้นเพื่อจะทดสอบดูว่าสิ่งที่เข้ามาใกล้วังวนนั้นจะทนได้หรือไม่ ฟ้าแลบแล้วผ่าเปรี้ยงเป็นการข่มขวัญที่บนฝั่ง แสงฟ้าที่ฟาดลงใส่ต้นไม้ใหญ่ทำให้เกิดไฟลุกโชติช่วงขึ้นกับต้นไม้นั้นด้วยแรงฤทธิ์แห่งสายฟ้า
     “แวะเถิดขอรับพระคุณท่านเหลือกำลังแล้ว”
     “เอาเถอะฉันจะขอทางเจ้าแม่เอง”
     ในท่ามกลางพายุอันพัดกระหน่ำนั้นเอง เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ตีชุดขึ้นเหมือนไม่มีอะไรมาพัดซึ่งความเป็นจริงบนเรือและโดยรอบขณะที่ท่านตีชุดนั้นกลับสงบเงียบ แสงเทียนจากไฟดวงเล็ก ๆ ที่จุดขึ้นจากชุดสว่างขึ้น เจ้าประคุณสมเด็จหยิบโอ (ขันใบขนาดกลางสำหรับใส่ภัตตาหาร) ขึ้นมาบรรจงหยดน้ำตาเทียนลงไปเพื่ออาศัยเป็นฐานปักเทียน เมื่อปักเทียน
     เจ้าประคุณสมเด็จยกโอขึ้นบริกรรมแผ่เมตตาจิตไปยังเจ้าแม่ลานเทผู้คุ้มครองน่านน้ำเพื่อขอทางให้ท่านได้เดินทางผ่านไปยังบ้านงาน ด้วยการขวางทางพระจะไปปฏิบัติกิจนิมนต์นั้นเป็นอนันตริยะกรรม แม้พระเจ้าสุปะพุทธะมาขวางทางเสด็จทรงโปรดสัตว์ของพระบรมศาสดายังถึงถูกธรณีสูบในเจ็ดวัน เมื่อแผ่เมตตาแล้วท่านได้ออกมาที่หัวเรือเอาโอนั้นลอยลงไปในน้ำ โอค่อย ๆ ลอยน้ำหน้าเรือไปเหมือนมีใครมาดึงไปไม่แฉลบออกนอกแนวหัวเรือ เสียงเจ้าประคุณสมเด็จสั่งว่า
     “โยมทั้งสองพายไปเถิด พายให้หัวเรือตรงกับโอรับรองไม่มีอันตราย”
     สิ้นเสียงความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อผืนน้ำบริเวณหน้าเรือกลับสงบเรียบราบเป็นช่องพอให้เรือแล่นผ่านไปทั้ง ๆ ที่สองข้างนั้นคลื่นตีฟองและฝนตกหนักวังน้ำวนกลับเปิดเป็นทางให้เช่นกัน โอแล่นนำหน้าเรือไปจนพ้นลานเทจึงหยุดนิ่งกับที่รอให้เจ้าประคุณก้มลงเก็บขึ้นมา เสียงเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อุทิศกุศลให้เจ้าแม่ลานเทดังเบา ๆ จนกระทั่งเรือแล่นลับไปจากลานเททิ้งความปั่นป่วนเอาไว้เบื้องหลัง
     ครั้นเมื่อถึงบ้านงานแล้วจึงเข้าจำวัดพักผ่อนหลังจากสวดมนต์ฉันเช้าแล้วก็มีคนเดินทางมาจากลานเทแวะบ้านงานแล้วเล่าเรื่องประหลาดว่า เมื่อคืนนี้เรือกันยาแล่นผ่านลานเทขณะที่มีพายุร้ายแม้แต่เรือกลไฟและเรือใหญ่ยังจอดแอบเข้าฝั่งกันหมด แต่เรือนั้นกลับแล่นไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชาวเรือโจทก์กันว่าเจ้าแม่ลานเทพิโรธผู้ที่ทำผิดต่อเจ้าแม่ แต่กลับให้เรือกันยานั้นผ่านได้น่าอัศจรรย์ คนบนบ้านจึงรู้ว่าเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มีอภิญญาจิตอันกล้าแกร่งสามารถขอทางเจ้าแม่มาได้

จากหนังสือฤทธิ์อภิญาจิตเกจิอาจารย์ โดยประเจียด คงศาสตรา
    

พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...