วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ประวัติพระยาตากโดยสังเขป

พระยาตาก เกิดเมื่อพุทธศักราช 2277 ปีขาล เป็นบุตรจีนไหยฮอง นายอากรบ่อนเบี้ย (เรื่องที่ว่าพระยาตากเป็นลูกนายอากรบ่อนเบี้ยนั้น มีเรื่องเกี่ยวพันต่อมา โดยเล่าสืบกันมาว่า เวลาเป็นเด็กอยู่ในวัด ก็เป็นหัวหน้าเล่นการพนัน จนถูกอาจารย์ทำโทษอย่างสาหัส ในพระราชพงศาวดารก็ว่า เวลาได้เป็นใหญ่ไปตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ ประสงค์จะให้ทหารได้มีการสนุก ก็ให้ตั้งบ่อนเบี้ยขึ้น แล้วแจกเงินให้เล่นกัน) หนังสืออภินิหารบรรพบุรุษเล่าว่า เวลาคลอดใหม่ ๆ นอนอยู่ในกระด้งมีงูตัวหนึ่งเข้าไปขดอยู่ในกระด้ง จึงเป็นเหตุให้บิดาตกใจ กลัวว่าจะเป็นลางร้ายอะไรอย่างหนึ่ง จึงคิดจะเอาลูกไปทิ้ง จีนไหยฮองเป็นคนชอบพอกับเจ้าพระยาจักรี สมุหนายกครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าพระยาจักรีได้ทราบเรื่องนี้ และเห็นเด็กมีรูปร่างหน้าตาน่ารักจึงขอเอาไปเลี้ยงไว้ และตั้งชื่อให้เป็นไทยว่า “สิน” ความข้อนี้ก็คงฟังได้แต่เพียงว่า เจ้าตากได้อยู่ในอุปถัมภ์ของเจ้าพระยาจักรีมาแต่เล็ก อาจเป็นเพราะบิดาเอาไปยกให้ เพราะนายอากรมีหน้าที่ต้องผูกมิตรสนิทสนมกับขุนนางผู้ใหญ่ พออายุ 9 ขวบ ก็ได้เล่าเรียนในสำนักพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาศน์ พออายุ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีเอาออกมาจากวัด และนำเข้ามาถวายตัวต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้รับราชการเป็นมหาดเล็กได้พยายามศึกษาหาความรู้ในภาษาต่างประเทศ เรียนภาษาจีน ญวน และแขก จนพูดได้คล่องแคล่วทั้ง 3 ภาษา ต่อมาเมื่ออายุครบ 21 ปี เจ้าพระยาจักรีจึงจัดการให้อุปสมบท ได้อยู่ในสิกขาบท 3 พรรษา แล้วก็ออกมารับราชการดังเก่า ได้รับตำแหน่งเป็นมหาดเล็กรายงาน อยู่จนถึงแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ จึงได้รับตำแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตรไปประจำเมืองตาก และต่อมาก็ได้เป็นเจ้าเมืองตาก ภายหลังได้เป็นพระยาวชิรปราการสำเร็จราชการเมืองกำแพงเพชร แต่คนทั้งหลายยังคงเรียกพระยาตากอยู่เสมอ และเมื่อมาตั้งตัวเป็นเจ้าขึ้น ก็ยังเรียกกันว่าเจ้าตากอยู่นั่นเอง หลังจากได้รับชัยชนะที่โพธิ์สามต้นแล้ว พระองค์ได้ลงมาสร้างเมืองธนบุรีเป็นราชธานี และประกาศพระองค์เป็น พระเจ้าแผ่นดินไทย เมื่อปีพุทธศักราช 2310 ในเวลานั้นมีพระชนม์ได้ 34 พรรษา ทรงพระนามตามพระราชพงศาวดารว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ซึ่งเราเรียกกันทั่วไปว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธน จากหนังสือเรื่องแผ่นดินพระเจ้าตาก โดย นพ.วิบูล วิจิตรวาทการ (พิมพ์ครั้งที่ 2) ขอขอบคุณมา ณ. ที่นี้ครับ

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ครั่ง

ครั่งเป็นแมลงชนิดหนึ่ง เมื่อดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นไม้แล้วจะขับถ่ายออกมาพอกตามกิ่งไม้ สมัยก่อนผม กฤษฎา เป็นเด็กจะเจอบ่อยมากบริเวณต้นไม้ในบ้าน สีจะม่วง ๆ พ่อผมจะเก็บมาใช้มีดถากขี้ครั่งออกมาเก็บไว้ เวลาใช้งานจะบดให้ละเอียดแล้วใส่ลงในด้ามมีด แล้วนำมีดเผาไฟ (ส่วนแหลม ๆ เรียกไม่ถูก) รอจนร้อนได้ที่จึงเสียบเข้าไปที่ด้ามมีด (ควันจะเต็มเลยตอนนี้) ครั่งจะเป็นเหมือนกาวประสานยึดให้มีดแน่นดี ใช้งานนาน ๆ ไป หลวมก็ทำใหม่ เคาะออกแรง ๆ ก็ได้ (กรณีต้องการใช้มีดแบบไม่ใช้ด้าม เคยอ่านเจอ) ปัจจุบันพบหาได้น้อยมาก ผมไม่เคยเจออีกเลย ไม่ทราบเพราะอะไร
ขอบคุณ ภาพจากนานาการ์เด้นด็อทคอม

ส้มป่อย

ส้มป่อยจัดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งประเภทเถาวัลย์ ซึ่งผู้รู้มักจะนำมาใช้ผสมน้ำอาบชำระล้างร่างกาย แก้สิ่งอาถรรพณ์ ถูกกระทำย่ำยี ในสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นของคุณไสยหรือเสนียดจัญไรทั้งหลาย นำยอดส้มป่อยมาแกง แก้ไข้หัวลม ผลก็นำมาแช่ทำน้ำมนต์ อาบให้กับคนวิกลจริตที่เกิดจากคุณไสยและภูติผีปีศาสทั้งหลาย หรือประพรหมขับไล่ภูติผีปีศาจ เพราะส้มป่อยเป็นต้นไม้ทิพย์ของพระอินทร์ ซึ่งมีชื่อเป็น "เคล็ด" สำหรับปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากร่างกายของมนุษย์ (จากหนังสือธาตุกายสิทธิ์ โดยอริยะ)
สำหรับผม กฤษฎา สมัยอยู่กรุงเทพฯ เมื่อกลับมาเยี่ยมที่บ้านที ก่อนกลับกรุงเทพฯ ยายจะเอาฝักส้มป่อยมาย่างแล้วหักใส่กระป๋องใส่น้ำที่จะอาบให้ทุกครั้ง นัยว่าให้พ้นจากสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ที่อยู่กับเราให้ออกไป และเพื่อความสวัสดีมีชัยนั่นเอง ส่วนมากทางเหนือจะมีส้มป่อยแทบทุกบ้านครับ (ขอบคุณภาพจากมติชนครับ)

พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...