วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ฤาษีกระไลโกฏิ

 

รูปมนุษย์หน้าประหนึ่งเนื้อ นามกระไลย โกฏิแฮ
บุตรอิสีสิงค์ไสย ศาสตรรู้
ระบอบระบิลไตร ดายุค โพ้นพ่อ
นั่งหย่องสองหัตถ์คู้ ศอกแก้ลมขาฯ

พระศรีวิสุทธิวงศ์

(ถอดความ) ฤๅษีผู้มีรูปกายเป็นมนุษย์ แต่มีใบหน้าเหมือนกวางตนนี้ มีนามว่ากระไลยโกฏิ เป็นบุตรฤๅษีอิสีสิงค์ รอบรู้ในทางไสยศาสตร์ มีชื่อเสียงเลื่องลือตั้งแต่สมัยไตรดายุค (ยุคที่ ๒ ตามคติจตุรยุคของพราหมณ์ อันประกอบไปด้วย กฤดายุค-ไตรดายุค-ทวาบรยุค-กลียุค) ท่านนั่งหย่อง (หรือกระโหย่ง คือนั่งเอาปลายเท้าตั้งลงที่พื้น ส้นเท้าทั้งสองรับน้ำหนัก) พับแขนงอศอกทั้งสองข้าง เพื่อแก้ลมในขา

ในบทละคร รามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ เปิดตัวฤๅษีกไลโกฏว่า

๏ มาจะกล่าวบทไป
ถึงพระกไลโกฏฤๅษี
เป็นบุตรอิสีสิงฆมุนี
มฤคีนั้นเป็นมารดา
แต่บิดรยังไม่บรรลัย
ก็ได้ฌานโลกีย์แกล้วกล้า
อยู่ยังสาลวันอรัญวา
แดนพาราโรมพัตตัน
ได้พรพระสยมภูวญาณ
ตบะกิจการฌานกวดขัน
สร้างพรตอดจิตเป็นนิรันดร์
ฝนนั้นแล้งไปถึงสามปี ฯ

 

นั่นคือ กระไลยโกฏิ หรือกไลโกฏ เป็นบุตรฤๅษีอิษีสิงค์ ที่เกิดจากมารดาซึ่งเป็นกวาง (จึงเป็นลูกครึ่ง คือมีตัวเป็นคนแต่มีหัวเป็นกวาง) ท่านบำเพ็ญตบะอยู่ ณ ป่าสาลวัน จนทำให้เมืองโรมพัตตันเกิดฝนแล้งถึง ๓ ปี ท้าวโรมพัตจึงให้ธิดา คือนางอรุณวดี ไปยั่วยวนทำลายตบะ

ฤๅษีกไลโกฏอยู่แต่ในป่ามาทั้งชีวิต ไม่เคยพบพานอิสตรีใด จึงบังเกิดความสงสัยว่านี่คือสัตว์ชนิดไหนหนอ เหตุใดจึงไปมีเขาอยู่ที่หน้าอก ครั้นเผลอจับต้องดู ไปๆ มาๆ จึงเกิดบทอัศจรรย์ขึ้นระหว่างพระฤๅษีกับนางอรุณวดี จน ตบะแตกฝนตกฟ้าร้องตามธรรมเนียม

๏ ก็เสียตบะกิจพิธีกรรม์
พลาหกครื้นครั่นคะนองฝน
ฟ้าเปรี้ยงเสียงสนั่นอึงอล
ตกจนนองพื้นพสุธา ฯ

ภายหลัง ฤๅษีกไลโกฏได้รับกิจนิมนต์ให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพระฤๅษี ไปอัญเชิญพระนารายณ์อวตารลงมาปราบอสูร และยังได้เป็นหัวหน้าเชฟของทีมฤๅษีผู้ประกอบพิธีหุงข้าวทิพย์ เพื่อขอโอรสให้แก่ท้าวทศรถ จนเกิดเป็นพระราม พระลักษมณ์ พระพรต และพระสัตรุด

ข้อมูลจาก SARAKADEE.COM

ฤๅษีกไลโกฏเป็นตัวละครในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ เป็นบุตรของฤๅษีอิสีสิงฆะ*กับนางกวาง กายเป็นมนุษย์แต่หน้าเป็นกวาง อาศัยอยู่ในป่าเขตเมืองโรมพัต* ฤๅษีกไลโกฏมีตบะแก่กล้า เพราะได้พรจากพระอิศวร*ให้มีฤทธิ์ทางบำเพ็ญพรต 

 

เมื่อฤๅษีบิดามรณภาพแล้ว ฤๅษีกไลโกฏก็อยู่เพียงลำพัง ครั้งหนึ่งได้บำเพ็ญตบะอย่างหนัก  ด้วยฤทธิ์อำนาจของตบะทำให้ฝนไม่ตกในเมืองโรมพัตนานถึง 3 ปี ชาวเมืองเดือดร้อนมาก  เมื่อพรานป่ามาทูลท้าวโรมพัต*ว่าสาเหตุที่ฝนแล้งนานหลายปีเป็นเพราะอำนาจตบะของฤๅษี ท้าวโรมพัตจึงออกอุบายให้นางอรุณวดี*พระธิดาไปทำลายตบะ 

 

ฤๅษีกไลโกฏบวชเป็นดาบสตั้งแต่เด็กและอยู่ในป่ากับบิดาเพียงลำพังจึงไม่เคยเห็นมนุษย์ที่เป็นสตรีเพศมาก่อน  เมื่อนางอรุณวดีเข้ามาหา ฤๅษีกไลโกฏเข้าใจว่าเป็นสัตว์มีเขาที่หน้าอกดังคำประพันธ์ที่ว่า

 

ไม่เคยเห็นรูปสตรี มีความสงสัยก็พิศดู

เห็นเขาติดอกครัดเคร่ง ดั่งปทุมตูมเต่งทั้งคู่

สัตว์นี่เป็นไฉนจึงไม่รู้ จะเป็นหมู่เดียรฉานนามใด

ตริแล้วจึ่งกล่าววาที เอ็งนี้เป็นสัตว์จำพวกไหน

จึงมีเขาที่อกกูหลากใจ ไม่เคยพบเห็นแต่ก่อนมา

 

นางอรุณวดีใช้มารยาเข้ายั่วยวนฤๅษีกไลโกฏ  ฤๅษีกไลโกฏได้นางเป็นภรรยา  การบำเพ็ญตบะของฤๅษีกไลโกฏจึงถูกนางอรุณวดีทำลายได้สำเร็จ ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลดังเดิม ต่อมากองทัพของท้าวโรมพัตเชิญฤๅษีกไลโกฏเข้ามาอยู่ในพระราชวัง

 

เมื่อท้าวทศรถ*จะทำพิธีขอโอรส ฤๅษีวสิษฐ์*และฤๅษีวิศวามิตร* พระอาจารย์ของท้าวทศรถแนะนำให้เชิญฤๅษีกไลโกฏมากรุงอยุธยา*เพื่อร่วมทำพิธีขอโอรสเพราะฤๅษีกไลโกฏมีตบะกล้าแข็งจะทำให้ได้โอรสที่มีฤทธิ์มาก   ท้าวทศรถพร้อมฤๅษีวสิษฐ์และฤๅษีวิศวามิตรจึงเดินทางไปเมืองโรมพัตเพื่อเชิญฤๅษีกไลโกฏมาทำพิธี เมื่อทำพิธีขอโอรสสำเร็จแล้ว ฤๅษีกไลโกฏก็กลับเมืองโรมพัต ไปอยู่กับนางอรุณวดีดังเดิม

ผู้เรียบเรียง สยาม ภัทรานุประวัติ 

เจ้าของสิทธิ์ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)

ภาพจากเว็บพระ



สุครีพ

 

สุครีพ เป็นพญาวานรในเรื่องรามเกียรติ์ มีกายสีแดง เป็นลูกชายของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา เป็นทหารเอกของพระราม มีศักดิ์เป็นน้าของหนุมาน

เมื่อพระฤๅษีโคดมสามีของนางกาจอัจนา รู้ความจริงจากนางสวาหะว่าสุครีพไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกชู้ จึงสาปให้กลายเป็นลิงพร้อมกับพาลี (กากาศ) ผู้เป็นพี่ชายซึ่งเป็นลูกชู้กับพระอินทร์ แล้วไล่เข้าป่าไป พระอินทร์กับพระอาทิตย์ได้เนรมิตเมืองขีดขินให้ปกครอง โดยมีพาลีเป็นกษัตริย์และสุครีพเป็นอุปราช พาลีกับสุครีพได้เคยไปช่วยชะลอเขาพระสุเมรุ พระอิศวรหวังจะมอบนางดาราเป็นรางวัลให้แก่สุครีพ แต่ครั้งนั้นมีพาลีมารับรางวัลผู้เดียว พาลีสาบานว่าหากตนเอารางวัลของน้องมาเป็นของตน ขอให้ถูกศรพระนารายณ์สิ้นชีพ แต่สุดท้ายพาลีก็ผิดสัตย์เอานางดารามาเป็นชายาของตน

วันหนึ่งควายทรพีเดินทางมาท้าสู้กับพาลี พาลีจึงสั่งสุครีพไว้ว่าตอนที่ตัวเองเข้าไปสู้กับทรพีในถ้ำ หากเลือดที่ไหลออกจากถ้ำมีสีจาง ให้ปิดปากถ้ำเสียเพราะเป็นเลือดพาลี พาลีฆ่าทรพีตาย เลือดที่ไหลออกจากถ้ำเป็นเลือดของทรพีซึ่งมีสีเข้ม แต่เกิดฝนตกลงมาจนทำให้เลือดมีสีจางลง สุครีพเข้าใจผิดคิดว่าพาลีตายจึงเอาหินปิดปากถ้ำ พาลีโกรธสุครีพมากจึงพังถ้ำออกมาและขับไล่สุครีพออกจากเมือง ต่อมาหนุมานได้พาสุครีพไปพบพระราม สุครีพขอพระรามให้สังหารพาลีที่ผิดคำสาบานเรื่องนางดารา

เมื่อพาลีตายแล้ว สุครีพก็ขึ้นเป็นเจ้าเมืองขีดขินและรวบรวมไพร่พลวานรเพื่อช่วยพระรามทำศึก สุครีพได้รับความไว้วางพระทัยจากพระรามให้เป็นผู้จัดการกองทัพ ออกรบสู้กับกองทัพของกรุงลงกาอยู่เสมอ ครั้งเสร็จศึกกรุงลงกา สุครีพได้รับแต่งตั้งเป็น พญาไวยวงศามหาสุรเดช ครองกรุงขีดขิน

ที่มาวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี ภาพจากpptv



 

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

หนุมาน

หนุมาน (สันสกฤต: हनुमान्; ฮินดี: हनुमान; อังกฤษ: Hanuman) เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นลิงเผือก จึงมีสีขาวเป็นสีประจำกาย เมื่อสำแดงฤทธิ์จะมี 4 หน้า 8 มือ หาวเป็นดาวเป็นเดือน นอกจากนี้ ยังมีลักษณะประจำกายอื่น ๆ อีก เช่น สวมกุณฑล มีขนเพชร มีเขี้ยวเป็นแก้ว และ หาวเป็นดาวเป็นเดือน ดังกลอนตอนที่หนุมานเกิดว่า ลอยอยู่ตรงพักตร์ชนนี รัศมีโชติช่วงในเวหา มีกุณฑลขนเพชรอลงการ์ เขี้ยวแก้วแววฟ้ามาลัย หาวเป็นดาวเดือนระวีวร แปดกรสี่หน้าสูงใหญ่ สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกร แล้วลงมาไหว้พระมารดร หนุมาน เป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก สามารถสำแดงเดชต่าง ๆ ได้หลายประการ เช่น การขยายร่างกายให้ใหญ่โต การยืดหางให้ยาว เป็นต้น นอกจากนี้ หนุมานยังได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือ ไม่มีวันตาย เนื่องจากเป็นบุตรของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ ด้วยเหตุนี้ เมื่อหนุมานมีอันตรายถึงตายแล้ว เพียงแค่มีลมพัดมา หนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา บุคลิกของหนุมานเป็นตัวแทนของชายหนุ่มทั่วไป คือ รูปงาม มีนิสัยเจ้าชู้ และ มีภรรยามาก เช่น นางสุพรรณมัจฉา ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันหนึ่งตน คือ มัจฉานุ ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง ลิงเผือกกับปลา นั่นคือ มีกายเป็นลิงเผือกเหมือนหนุมาน แต่หางนั้น กลับเป็นหางของปลา นางเบญกาย บุตรีของพญาพิเภก หนุมานได้นางเบญกายตอนที่ นางเบญกายจำแลงกายเป็นศพของ นางสีดาลอยทวนน้ำมา เพื่อหลอกพระรามให้เสียพระทัย แต่ภายหลังกลนี้ถูกจับได้ พระรามจึงให้หนุมานพานางเบญจกายไปส่งกลับเมือง ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกัน ชื่อว่า อสุรผัด ตลอดเรื่องรามเกียรติ์นั้น หนุมานผู้เป็นทหารเอกได้รับรางวัลจากพระราม 3 ครั้ง ผ้าขาวม้า ได้ตอนที่หนุมานไปเผากรุงลงกา ธำมรงค์ ได้จากตอนที่ไปช่วยพระรามหลังจากที่ถูกไมยราพจับไปขังไว้ที่เมืองบาดาล เมืองลพบุรีพร้อมสนม 5000 นาง ได้ในตอนที่เสร็จศึกลงกาแล้ว เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาแล้ว พระรามได้สถาปนาให้เป็น "พระยาจักรกฤษณ์พิพรรธพงศา" และยกกรุงอยุธยาให้ครองกึ่งหนึ่ง แต่หนุมานได้ถวายคืนพระราม เพราะสำนึกว่าตนไม่สูงศักดิ์พอ พระรามจึงยกเมืองลพบุรีให้ครองแทน กำเนิด หนุมานมีตำนานกำเนิดต่างๆ กันได้แก่ มารดาเป็นนางฟ้าชื่อว่าอัญจนา แต่ถูกสาปให้เป็น "วานรี" บิดาคือพระพาย มารดาคือนางสวาหะ พระอิศวรมอบให้พระพายนำเทพอาวุธทั้ง ๓ อย่าง ๑.คฑา ๒.ตรีเพชร ๓.จักรแก้วและกำลังในกายของตนทิ้งเข้าในปากนางสวาหะจนนางตั้งครรภ์ แต่กำหนดให้พระพายรับเป็นบิดา ลักษณะของหนุมาน กายสีขาว มีกุณฑล (ต่างหู) ขนเพชร เขี้ยวแก้ว (อยู่กลางเพดานปาก) หาวเป็นดาวเป็นเดือน ยามแผลงฤทธิ์จะมีสี่หน้า แปดกร เป็นทหารเอกที่รู้ใจพระรามที่สุด ฉลาดรอบรู้ ค่อนข้างหัวดื้อ เช่น ตอนที่หักกิ่งไม้ ทำลายอุทยานของทศกัณฐ์ ตอนเผาเมืองลงกา เป็นต้น ซึ่งเป็นการทำนอกเหนือคำสั่ง เจ้าเล่ห์เพทุบาย มีกลอุบายมากมายซึ่งเอาไว้ใช้ในการศึก รักนายและพลีชีพเพื่อนาย ภรรยาและบุตรของหนุมาน 1. นางบุษมาลี เป็นภรรยาคนแรกของหนุมาน ได้พบกันเมื่อหนุมาน ชมพูพาน และองคต จะเดินทางไปกรุงลงกาเพื่อสืบข่าวนางสีดา ระหว่างทางไปเจอเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่กลางป่า ไม่มีทหารอยู่เลย หนุมานแปลกใจจึงขอเข้าไปดู ก็ได้พบกับ “นางบุษมาลี” นางฟ้าที่พระอินทร์สาปให้มาอยู่ในเมืองนี้แต่เพียงผู้เดียว สาเหตุเพราะนางดันไปเป็นแม่สื่อแม่ชักให้แก่นางสนมของพระอินทร์กับท้าวตาวัน โดยนางบุษมาลีจะพ้นจากคำสาปได้ก็ต่อเมื่อทหารเอกของพระรามที่หาวเป็นดาวเป็นเดือนโยนนางกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าส่งนางไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อหนุมานได้เจอนางบุษมาลีก็นึกรัก มีใจปฏิพัทธ์ต่อนางทันที ดังนั้นเมื่อสอบถามจนรู้ความ ก่อนจะโยนนางกลับขึ้นสวรรค์ หนุมานก็ได้นางเป็นเมียเสียก่อน แต่ถึงจะรักนางบุษมาลี หนุมานก็ไม่ยอมให้เรื่องผู้หญิงทำให้เสียงาน และก็ไม่ลืมสัญญาที่จะส่งนางกลับขึ้นสวรรค์ รักแรกของหนุมานกับนางฟ้าก็เป็นรักที่แสนสั้น และไม่ได้มีลูกด้วยกัน 2. เบญกาย ธิดาของพิเภก ทศกัณฐ์ลักพาตัวนางสีดามาแล้วก็วางแผนที่จะให้พระรามเลิกตามนางสีดา จึงให้ “นางเบญกาย” หลานสาวแปลงกายเป็นนางสีดาตายลอยน้ำมา ทำให้พระรามที่ได้พบศพเสียใจมาก แต่หนุมานผู้มีปฏิภาณดีมาก สังเกตเห็นว่าศพนี้ไม่น่าจะใช่นางสีดาตัวจริง จึงให้พิสูจน์ด้วยการเผาร่างนั้น นางเบญกายทนร้อนไม่ไหวก็ปรากฏตัวจริงออกมา พระรามให้พิเภกผู้เป็นพ่อเป็นผู้พิพากษาลงโทษเอง พิเภกให้ประหารชีวิตเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี แต่พระรามเห็นใจจึงยกโทษให้ และให้หนุมานพากลับไปส่งที่กรุงลงการะหว่างทางหนุมานก็ได้เกี้ยวพาราสีจนได้นางเบญกายเป็นเมียอีกคน มีบุตรกับหนุมานคือ อสุรผัด 3. สุพรรณมัจฉา เป็นนางเงือก ธิดาของทศกัณฐ์ ได้เป็นภรรยาขณะจองถนนข้ามกรุงลงกา มีบุตรคือ มัจฉานุ 4. นางวารินทร์ ได้ขณะตามล่าวิรุญจำบัง 5. นางมณโฑ ได้มาโดยการใช้เล่ห์กลขณะปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ 6. นางสุวรรณกันยุมา ทศกัณฐ์ประทานให้ ขณะเสแสร้งแปรพักตร์ (นางเคยเป็นภรรยาอินทรชิต) ที่มาวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี

ฤาษีกระไลโกฏิ

  รูปมนุษย์หน้าประหนึ่งเนื้อ นามกระไลย โกฏิแฮ บุตรอิสีสิงค์ไสย ศาสตรรู้ ระบอบระบิลไตร ดายุค โพ้นพ่อ นั่งหย่องสองหัตถ์คู้ ศอกแก้ลมขาฯ พร...