วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สมเด็จวัดระฆัง

     พระสมเด็จวัดระฆัง เป็นพระเนี้อผง สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ กรุงเทพฯ สร้างประมาณปี พ.ศ.2400 สมเด็จฯ โต นั้นเป็นผู้มีอัจฉริยะภาพสูงยิ่ง พระของท่านจึงมีคุณานุภาพสูง ท่านรวบรวมของวิเศษหลายอย่างเข้ากับผงวิเศษของท่าน ผสมด้วยปูนเปลือกหอย โขลก ตำ ให้เข้ากัน แล้วนำมากดในพิมพ์ เสร็จแล้วนำมาผึ่งให้แห้ง
สมเด็จวัดระฆังพิมพืใหญ่จากศิลปพระเครื่องฉบับที่ 13

     ที่นิยมมี พิมพ์ใหญ่ เจดีย์ เกศบัวตูม ฐานแซม ผมเองรู้จักกับลุงท่านหนึ่งที่หนองแขม เขาเล่าให้ฟังสมัยเป็นเด็กเขาจะเอาพระของพ่อมาอมเล่น กับเพื่อน ๆ เอามาห้อยคอบ้าง พระที่เขาใช้อยู่จึงสึก แล้วเขาก็ควักพระในคอมาให้ดู สมเด็จวัดระฆังสึกมากแทบไม่เห็นองค์พระ หักประมาณ 5 ชิ้น แต่เขาเอากาวติดเอง เลี่ยมทอง 
     ผมเอามาส่องดู น่าจะเป็นพิมพ์เจดีย์ แต่มวลสารเยอะมาก เขาบอกเคยใส่ไปท่าพระจันทร์ บิ ท่าพระจันทร์เคยให้ห้าหมื่น แต่เขายังไม่ปล่อย เขามีสมเด็จบางขุนพรหมอีกองค์ แต่ให้ลูกชายไปใช้ ปัจจุบันลูกชายเขาเป็นรองผู้ว่า 
     ปัจจุบันลุงท่านนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว พระสมเด็จก็คงตกอยู่กับลูกหลานท่าน ท่านเคยเล่าอีกว่าท่านเป็นเพื่อนสนิทของ พระอาจารย์เชื้อวัดสะพานสูง ตั้งแต่สมัยยังไม่บวช ตั้งแต่รับราชการกันมา
     ประสบการณ์ของท่าน วันนั้นตอนเช้ามืดได้ตื่นมากวาดถนนหน้าบ้านแล้วรถชนท่านกระเด็น แต่แค่ขาหัก ก็นับว่าท่านได้รับบาดเจ็บไม่มาก ท่านจะห้อยสมเด็จวัดระฆังเพียงองค์เดียว
     
     
     

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

พระรอด

     พระรอดกรุวัดมหาวันจังหวัดลำพูน เป็นหนึ่งในพระเบญจภาคีซึ่งจัดโดย ”ตรียัมปวาย” พระรอดมีอายุนับพันปี ส่วนตัวผมจะชอบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากศิลปะดี และมีขนาดกะทัดรัด ห้อยแล้วเบาคอ ว่างั้น (สร้อยทองบาทหนึ่งน่าจะพอ) ที่พูดนี่ผมไม่มีหรอกนะ ฮ่า ๆ
     พุทธคุณของพระรอดคือ แคล้วคลาดเป็นที่สุด สมชื่อของท่าน พ่อตาผมตอนยังมีชีวิต มีอยู่องค์หนึ่งลูกหลานชอบยืม เพราะเวลาคัดเลือกทหาร ถ้าอมพระรอดองค์นี้แล้วไปจับสลาก จะได้ใบดำอย่างแน่นอน ลูกหลานที่เป็นผู้ชายจึงไม่มีใครได้เป็นทหารเลยสักคน
     เป็นที่น่าเสียดาย ที่พระรอดองค์นี้ได้หายไประหว่าง ถูกยืมไปจับใบดำใบแดง นี่แหละ ผมจำไม่ได้ว่าหายตอนระหว่างที่ยืม หรือหายเพราะไม่คืน แต่พ่อตาผมท่านใจกว้างไม่ว่าอะไร พระหลวงพ่อปานก็เคยหายมาแล้ว ก็เล่าสู่กันฟังครับ มาดูประวัติพระรอดกันหน่อย

ภาพพระรอดจากหนังสือศึกษาและสะสมเล่มที่ 7 มี.ค. 2543

     (สถานที่พบพระรอด พบที่วัดมหาวันที่พระนางจามเทวีโปรดให้สร้างเมื่อ พ.ศ.1223 โดยประมาณ และได้ขุดเจอพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เป็นพระพุทธรูปหินดำ หน้าตัก 17 นิ้ว สูง 36 นิ้ว เรียกกันว่าพระรอดหลวง เชื่อกันว่าฤาษีนารอดเป็นผู้สร้าง และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่เรียกชื่อว่า พระรอด ตามนามพระฤาษีนารอดผู้สร้าง พระรอดที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบันมี 5 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์ต้อ พิมพ์ตื้น) ข้อมูลในวงเล็บ จากหนังสือศึกษาและสะสม เล่มที่ 7 มี.ค.2543
    

     

วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

ปาฏิหาริย์พระขุนแผนไข่ผ่าซีก

     พระขุนแผนไข่ผ่าซีก เป็นพระกรุวัดพระรูป (เนื้อดิน) จ.สุพรรณบุรี อาผมเคยมีและได้ช่วยชีวิตเขาไว้ในกาลต่อมา วัดพระรูปอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี ผมเคยไปมาแล้ว ได้ไปกราบพระนอน(สวยมาก) เท่าที่จำได้ อาผมเล่าว่า สมัยวัยรุ่น เป็นหนุ่มก็เป็นเด็กแว๊นซ์ที่เขาเรียกในสมัยนี้นั่นเอง จากพฤติกรรมนี้ชาวบ้านเขาจะหนวกหูกับการเร่งเครื่อง มอเตอร์ไซค์บ้าง อะไรบ้างเขาก็แช่งไว้สิครับ จนเกิดเหตุขึ้นมา และอาผมได้สอนว่าอย่าทำอะไรแบบอาเลย

ขุนแผนไข่ผ่าซีกกรุวัดพระรูป จากหนังสือคนรักพระ เล่มที่ 21 พศ.2543


     ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่ออาผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปธุระน่าจะเร็วทีเดียว ได้ประสานงากับรถกระบะ ที่ดอยม่อนแฮ่ ค่อนข้างชัน มารู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว และต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานนับ 4 เดือนเลยทีเดียว กระดูกหักหลายท่อน แต่ยังมีชีวิตรอดมาได้ อาผมเล่าว่า อาห้อยขุนแผนไข่ผ่าซีกเพียงองค์เดียว ผมเคยเห็นอยู่หลายครั้ง เนื้อพระจะมีสีแดงจัดมาก มีความมัน สวยมาก เลี่ยมพลาสติกสีเหลือง (เปิดหน้า) แต่น่าเสียดาย ปัจจุบันได้หายไปแล้ว โดยน้องชายผมได้ไปและทำหาย (ว่ายังงั้น) 

ด้านหลัง

     อีกเรื่องเคยอ่านเจอในหนังสือพระเก่า ๆ เขาเล่าว่ามีคนห้อยพระขุนแผนไข่ผ่าซีกแล้วไปหาของป่าและต้องนอนในป่า ตกกลางคืนฝูงช้างออกมาเหยียบย่ำบริเวณที่เขานอนอยู่ราบเป็นหน้ากลอง แต่ไม่โดนเขาเลย เหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นอภินิหาร หรือปาฏิหาริย์ของพระขุนแผนไข่ผ่าซีกนั่นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

พระเครื่องยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ

   พระเครื่องยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ จัดสร้างราวปี พ.ศ. 2500
ได้ข่าวว่าเป็นพิธีการปลุกเสกพระที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันยังหาพิธีที่ใหญ่เทียบเท่าไม่ได้ มีพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของประเทศในยุคนั้น เช่นหลวงพ่อจง หลวงพ่อรุ่ง หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม หลวงพ่อทบ หลวงพ่อแพ หลวงปู่โต๊ะ พ่อท่านคล้าย ฯลฯ มีพระภิกษุร่วมปลุกเสก 108 รูป เฉพาะพระเครื่องการสร้างเป็นดังนี้

(พระเนื้อชิน อันประกอบด้วย พลวง, ดีบุก, ตะกั่วดำผสมด้วยนวโลหะ คือ ชินหนัก 1 บาท
,เจ้าน้ำเงินหนัก 2 บาท ,เหล็กละลายตัวหนัก 3 บาท เหล็กบริสุทธิ์ หลัก 4 บาท ,ปรอท หนัก
5 บาท ,สังกะสีหนัก 6 บาท ทองแดงหนัก 7 บาท ,เงินหนัก 8 บาท, ทองคำหนัก 9 บาท,
ตลอดจนแผ่นทองแดง,ตะกั่ว,เงินที่พระอาจารย์ต่างๆ เกือบทั้งราชอาณาจักรได้ลงเลขยันต์คาถา
ส่งมาให้และเศษชนวนหล่อพระในพิธีแห่งอื่นๆ รวมหล่อผสมลงไปในคราวนี้ด้วย

พระผง (ดิน) ผสมด้วยผงเกษรดอกไม้ 108 อย่าง ตลอดจนผสมด้วยดินหน้าพระอุโบสถ
จากพระอาจารย์ต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรและผงพุทธาคมต่างๆ ที่บรรดาพระอาจารย์ได้มอบให้มา
รวมทั้งพระผงต่างๆ แบบของโบราณและของพระอาจารย์ต่างๆ ที่ได้สร้างไว้แต่โบราณกาล
อันได้ส่งอุทิศมาให้ผสมรวมเป็นผงในครั้งนี้ด้วยมากมายหลายแห่ง) ที่วงเล็บเป็นข้อมูลจากเว็บพันทิป


พระยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ เนื้อชิน และเนื้อดิน

     นอกจากนี้ยังมีพระเนื้อ ทองคำ 15 องค์ นาก 30 องค์ เงิน 300 องค์ ตอนหลังสร้างเนื้อทองคำเพิ่ม 2500 องค์ (ราคาเนื้อทองคำตอนนั้น 2500 บาท) ทั้ง 3 เนื้อนี้ราคาปัจจุบันสูงมากครับ
     สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระรุ่นนี้มีมากมาย ส่วนมากจะด้านคงกระพัน มหาอุด มีอยู่เรื่องหนึ่งโจรหนุ่มหนีการตามล่าจากพวกกำนัน ลงไปที่แม่น้ำ กำลังจะข้ามไปอีกฟากน้ำไม่ลึกเท่าไหร่ พวกกำนันตามมาทันและส่องด้วยปืนลูกซองยาว (ส่องจากบนสะพาน) ลูกปืนโดนเข้าไปกระจุกเต็ม ๆ ที่หลังโจร ส่งผลให้มันกระเด็นและลอยตามน้ำไป พวกกำนันนึกว่าตายแล้ว อยู่ ๆ มันก็ลุกขึ้นวิ่งหนีต่อไปได้ (อาผมเล่าว่าโจรคนนี้ไม่ได้เป็นโจรโดยสันดาน) ตอนหลังได้ข่าวว่าโจรคนนี้มีพระยี่สิบห้าศตวรรษห้อยอยู่ในคอเพียงองค์เดียว ขณะเกิดเหตุ

     ปัจจุบันราคาพระเนื้อชินกับเนื้อดิน ราคาหลักร้อย ยังพอเช่าหาได้ (เนื่องจากพระมีจำนวนการสร้างมากเป็นล้านองค์) ของเก๊มีมานานแล้ว พระชุดนี้จัดเป็นของดีราคาถูกครับ

วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560

คุยนอกเรื่องสักนิด

     ถ้าถามว่าผมชอบพระเครื่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำความได้ตอนอยู่ ป.3 ป.4 ในโรงเรียน (ตอนพักเที่ยง) ผมเคยเห็นเด็กนักเรียนรุ่นพี่เอาถุงพลาสติก (ถุงร้อน) พวกนั้นเอามาเผาไฟ โดยเอาไม้ไผ่ (เหมือนไม้เรียว) เกี่ยวปากถุง แล้วเผา พอมันไหม้ก็เอามาหยอดที่พิมพ์ดินเหนียวที่กดเตรียมไว้ (ดินเหนียวหาจากทุ่งนา โรงเรียนติดกับทุ่งนา บ้านนอกไงละ) รู้สึกจะเป็นพระรอด (ไม่รู้เอามาจากไหน)
     ผมเห็นผมก็ชอบอยากได้บ้าง จึงเอาอย่าง ตอนกลับมาจากโรงเรียน ผมก็รีบมาทำตามอย่าง เมื่อตาเห็นก็ดุว่าอย่าทำ ผมก็คิดว่าเอ๊ะ ทำไมตาต้องห้ามด้วย ตาบอกว่าพระเครื่องเป็นของสูง เขาสร้างเพื่อสืบพระศาสนา ทำแบบนี้มันบาป (ตอนนั้นผมไม่กล้าทำต่อ หลังจากที่ตาห้ามไว้)
     ตาบอกว่าถ้าอยากได้เดี๋ยวตาจะให้ จึงพาผมไปเลือกพระที่ชอบมาห้อยคอ ต่อมาอยู่ ป.5 ป.6 อาผมเขาชอบสะสมพระ ได้เจอกับเซียนจากกรุงเทพฯ มาบุกถึงบ้าน (เซียนเป็นเพื่อนของเพื่อนอาอีกที) เขาคุยกันส่องพระกันผมก็เลยไปดูด้วยเพราะชอบ ผมยังจำได้เลยว่า เซียนคนนั้นชอบพระสมเด็จหักประมาณ 7 ชิ้นของอา (รู้ทีหลังว่าวัดเกศฯ) จึงถอดสร้อยพระในคอมา 5 องค์ ให้เลือก 2 องค์ (พร้อมสาธยายฯ สรุปว่าจะเอาไปซ่อมแล้วใช้) อาผมเลยหยิบพระปรกชุมพล เนื้อดินของสุพรรณมา (สวยมาก) กับอีกองค์ผมจำไม่ได้(แลกกัน)
     อาผมเขาสะสมพระไว้เยอะ แต่ปัจจุบันลูกชายเอาไปเกือบหมดแล้ว ลูกชายเขาเล่นพระ (น้องชายผม) ผมยังเสียดายมากเลย ไหน ๆ ก็พูดถึงตอนเด็ก ๆ แล้ว มีเรื่องขำ ๆ จะเล่าให้ฟัง เพื่อนผมชื่อไอ้บุญ มันเป็นลูกนักการฯ จึงมีสิทธิเข้าไปข่วยเขาเก็บลำใยในโรงเรียนไปขาย มันก็เก็บไปกินไป ส่วนพวกผมได้แต่ยืนดูกลืนน้ำลายไป สักพักมันเดินไปสะดุดคันนา อวกแตกลำไยออกมากองเต็มพื้น พวกผมหัวเราะกันสนุกเลย แล้วคุยกันว่ามันกินเข้าไปได้อย่างไร เยอะขนาดนั้น
     สมัยผมเรียน ป.3 ป.4 มีเพื่อนอีกคนชื่อ นิคม มันชอบแขวนพระขุนแผน 5 เหลี่ยม แล้วมีกุมารทองอยู่ข้างใต้องค์พระ เป็นพระเนื้อผงปัจจุบันคือพระปลอมนั่นแหละ ซื้อตามงานวัดองค์ 5 บาท 10 บาท สมัยนั้น มันจะใส่โชว์นอกเสื้อ ผมเห็นแล้วเท่ห์วะ อยากได้แต่ไม่มีตังค์ซื้อ (ไม่กล้าขอเงินแม่) ปัจจุบันได้ข่าวมันตายแล้ว (ไปดีเถิดเพื่อน)


     ก็คุยกันสนุก ๆ นี่คือสาเหตุที่ผมชอบโพสต์เรื่องพระเครื่องนั่นเอง ขอบคุณที่ติดตาม

วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

อภินิหารพระเครื่องหลวงพ่อปานวัดบางนมโค

     ในอดีตนานมาแล้วประมาณ 30 ปี พ่อตาผมมีหลวงพ่อปานอยู่หนึ่งองค์ รู้สึกจะเป็นพิมพ์ขี่ปลาหมอ ถ้าจำไม่ผิด องค์นี้ผมเคยนำมาส่องดูอยู่ เนื้อจัดสีแดงเข็ม (มีสเน่ห์อย่างมาก) สภาพประมาณ85เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นผมยังดูไม่ค่อยเก่ง แต่พ่อตาเป็นเซียนพระ(ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว)
     พระหลวงพ่อปาน เป็นพระเนื้อดินค่อนข้างละเอียดส่วนมากจะไม่มีกรวดปน เพราะเขาจะกรองดินก่อนนำมาสร้าง มีหลายสี ด้านบนจะอุดผงของหลวงพ่อปาน(สีคล้ายปูนซีเมนซ์)ข้างหลังจะเรียบ รูปแบบจะเป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่ง ปางสมาธิ เหนือสัตว์ต่าง ๆ เช่น เม่น ไก่ ปลาหมอ เป็นต้น

พระหลวงพ่อปานพิมพ์ขี่ปลาหมอ จากหนังสือเซียนพระฉบับ356ปี2547

     เรื่องมีอยู่ว่า ตอนกินข้าวเย็นน้องชายแฟนเกิดกินปลาดุกแล้วก้างติดคอ ทำอย่างไรก็ไม่ออก จะไปหาหมอก็มืดค่ำแล้ว ไปก็ลำบากบ้านชนบทห่างไกลหมอ พ่อตาเลยอาราธนาพระหลวงพ่อปานองค์ที่ว่า ทำน้ำมนต์ให้น้องชายกิน หลังจากกินน้ำมนต์เสร็จก้างปลาก็หลุด (หลุดเข้าหรือออกพอดีไม่ได้ถาม)
     ก็แสดงถึงอภินิหารของหลวงพ่อปานจริง ๆ สาธุ องค์นี้แม่ยายใช้อยู่ แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อแม่ยาย ไปงานที่จังหวัดหนึ่ง ในภาคกลาง บ้านญาติแท้ ๆ (ไม่รู้งานอะไร จำไม่ได้) คือตอนนั้นเราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เนื่องจากคนเยอะ ท่านได้ถอดไว้หน้าห้องน้ำ แล้วเข้าไปอาบน้ำ พอออกมา พระทั้งพวง หายไปเฉพาะหลวงพ่อปานองค์นั้น องค์อื่นอยู่ครบ ผมได้ยินก็รู้สึกเสียดายมาก (คนเอาไปเล่นพระเป็นแน่ ๆ) แต่ไม่น่าทำกันแบบนี้เลย

     หลวงพ่อปานเป็นพระที่มีราคาค่อนข้างสูง ปัจุบันราคาน่าจะหลักแสน ถ้าสวย ๆ หาแท้ยากครับ ของเก๊มีเยอะ ใครมีรักษาให้ดีนะครับ พุทธคุณท่านสูงจริง ๆ 

พระมอย

     พระมอย คือพระเครื่อง เนื้อว่านสีมอย (สีมอย ทางเหนือหมายถึงสีออกดำนั่นเอง) ทางด้านพิมพ์ทรงเป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่ง ปางสมาธิ ในรูปทรงแบบหยดน้ำ ด้านหลังจะเรียบ มวลสารจะมีว่านหลากหลายมีโลหะสีเงินปนมาด้วย
     ผมไม่ทราบประวัติการสร้าง รู้แต่ว่า ตาผมได้มาจากเสือคนหนึ่ง ตาเล่าว่าเมื่อมีโอกาสเจอเสือคนที่ว่าได้พูดคุยกัน รู้สึกถูกคอ เสือคนดังกล่าวได้ถามว่า ตามีพระดี ๆ ไว้คุ้มกายบ้างรึยัง ว่าแล้วแกก็ปลดพระมอยออกจากสร้อยคอของแกแล้วยื่นให้ตาผม ตาผมจึงรับไว้ ตอนหลังตาผมได้เอาไปเลี่ยมเงินเก่า แล้วก็ใช้มาตลอด ตาผมมีพระที่ใช้อยู่ประมาณ 5 องค์
    (ปัจจุบันพระที่ท่านใช้ได้ถูกลูกหลานขอแบ่งไปแล้วหลังจากท่านเสีย ก่อนนั้นลูกหลานก็มาขออยู่เรื่อย ท่านใจดีก็แบ่งให้คนละองค์ สององค์)
    วกเข้าเรื่องอีกที ต่อมาผมได้ไปทำงานในกรุงเทพฯ จึงขอพระมอยของท่านไว้ ผมแกะเงินเก่าออกเพราะไม่สวย แล้วใส่ตลับมาใช้ ปัจจุบันเลี่ยมพลาสติก วันหน้าจะเลี่ยมทอง (คิดไว้)

ภาพ พระมอย


พระมอยได้ฟังคนเขาเล่าว่า ขอสับช้างที่ว่าแข็ง ๆ สับมาเลย สับมาที่หัวแรง ๆ เลย ไม่เข้าครับ (แต่ว่าผมยังไม่เคยลอง)
     มีทหารเกณท์คนหนึ่ง ได้กลับมาบ้านในวันหยุด แล้วไปรายงานตัวช้า โดนหวายแช่เยี่ยวเฆี่ยน มีรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ แค่ถลอก แต่ไม่เจ็บแม้แต่น้อย แต่ต้องแกล้งร้องว่าเจ็บ (เดี๋ยวจะโดนสงสัย) ฉลาดนะเนี่ย

     ส่วนตัวผมยังไม่มีประสบการณ์ตรง ๆ เลยเล่าได้แค่นี้ ถ้าท่านไปเจอพระมอยที่ไหนรีบเก็บไว้เลยครับ พุทธคุณขององค์พระสูงมากเลยทีเดีย

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

พระคงดำ

     พระคงดำ พุทธคุณเด่นทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันมานานแล้ว อายุการสร้างก็ประมาณพันกว่าปี มีอีกชื่อว่า "ลำพูนดำ"  พุทธลักษณะเป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่งใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ปางชนะมาร หรือ "มารวิชัย" เป็นพระเนื้อดินเผา มีหลายสี ด้านหลังจะอูมนิด ๆ แต่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ พระคงสีดำ เคยมีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ไทย เรื่อง "ลำพูนดำ" นำแสดงโดยพี่เอก "สรพงษ์ชาตรี" มาแล้ว 


ภาพพระคงดำ จากหนังสือลานโพธิ์ฉบับที่ 1003 ปี 2551

          ส่วนเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ตาของผู้เขียนได้เล่าให้ฟังว่า มีชายคนหนึ่งคิดจะลองพระคงดำ องค์ที่ตนเองมีอยู่ว่า จะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ ได้หยิบพระคงดำออกมา พร้อมกับถือขวานด้ามยาวติดมือมาด้วย แล้วนำพระคงดำไปวางไว้ที่ตอไม้สูงขนาดพอดี เป็นตอไม้เรียบ ๆ เมื่อวางแล้วจึงเงื้อขวานขึ้นเต็มที่ แล้วเหวี่ยงสุดแรงกะฟันพระคงดำให้ขาดคามือ
      ผลก็คือโดนครับ แต่แฉลบไม่สามารถทำลายพระได้ แล้วพระก็ได้กระเด็นหายไปในป่าหญ้าแถวนั้น ซึ่งชายคนนั้นเกิดเสียดายพระขึ้นมาจึงได้ค้นหาจนทั่วบริเวณ แต่แปลกไม่สามารถหาเจอได้ นี่แหละครับการลบหลู่ดูหมิ่นคุณพระ คิดจะลองพระ จึงต้องสูญเสียพระคงดำไปในที่สุด



พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...