วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กำเนิดเหล็กไหล(ตอน2)

      
พระพุทธรูปเหล็กไหลวัดพุทไธสวรรค์(จากเว็บบอร์ดวัดโสมนัสฯ)

เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปเหล็กไหลก็จะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับภูมิประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่ เปลี่ยนทั้งรูปทรงและสีสันจึงเกิดเป็นเหล็กไหลหลายชนิดตามที่ไปพบเห็นและนำมันมาเก็บรักษาไว้แล้วตั้งชื่อให้
     รูปพรรณสัณฐานของเหล็กไหลไม่แน่นอนตายตัว มันแยกตัวได้และส่วนที่หลุดออกมาเป็นออกมาเป็นอิสระนี้ก็จะค่อย ๆ แข็งตัวและคงรูปถาวรอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะมีคนไปแปรรูปมันเป็นอย่างอื่นไปอีก 
     ปกติแล้วเหล็กไหลจะอาศัยอยู่กับธาตุที่มีความแข็งแกร่ง โดยเข้ายึดเกาะ มักจะเกิดตัวอยู่กับหินที่มีแร่ธาตุเหล็กผสมอยู่ด้วยมากเป็นพิเศษ เพราะเหล็กไหลจะอาศัยธาตุเหล็กกินเป็นอาหาร แลัวมันก็จะ "คาย" หรือขับถ่ายเศษสิ่งที่เหลือออกมากลายเป็น "ขี้เหล็กไหล" ซึ่งจะไม่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับตัวเหล็กไหลจริง ๆ
     นอกจากธาตุเหล็กแล้ว เหล็กไหลยังชอบกินน้ำผึ้งอีกด้วย เหล็กไหลมีหลายชนิดหลายสีหลายรูปทรง แบ่งสีสันเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ดังนี้
     ชนิดสีดำ คือเหล็กไหลชนิดแรกตั้งเดิม เมื่อเกิดมีเหล็กไหลขึ้นมาในโลก มีฤทธิ์อำนาจในทางโลกียะมากที่สุด เพราะเทวดาที่เข้าไปครอบครองดูแลเป็นพวกเทวดามิจฉาทิฐิ จะมีบุญบารมีในทางธรรมน้อยกว่าเหล็กไหลทุก ๆ สี
     ชนิดสีน้ำตาลอมแดง มีเทวดาจำพวกพญานาคเข้าไปดูแลรักษา จึงมีฤทธิ์มีอำนาจมาก ชอบใช้ฤทธิ์อำนาจในรูปของฌาณสมาบัติที่เรียกกันว่า "กสิณไฟ" เพื่อปรับอุณหภูมิให้แก่ตนเอง มีฤทธิ์อำนาจในการทำลายล้างพวกอวิชชา และ มนต์ดำ กันพวกภูตผีปีศาจได้
      ชนิดสีท้องปลาไหล (สีน้ำตาลอ่อน) มีเทวดาพวกคนธรรพ์และเพชรพญาธรเป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับพญานาค ที่พิเศษกว่าก็คือสามารถลื่นไหลไปมาได้ กำบังกายได้ ส่วนใหญ่จะพบในป่าดงดิบซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าเพชรพญาธรและคนธรรพ์ มีฤทธิ์ไปในทางเมตตามหานิยม เรื่องของความรักและครอบครัว

ติดตามตอนต่อไป
อ้างอิงจากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ 
เรียบเรียงโดย กฤษฎา ปาลีเรียม














     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...