6. เหล็กไหลชีปะขาว เหล็กไหลประเภทนี้มีสีขาวเป็นมันเลื่อมคล้ายเกล็ดงู
เกจิอาจารย์บางท่านเรียกว่า “พญางูเผือก” พวกพระลามะธิเบตชอบมีไว้ประจำตัวเพราะมีมากในถ้ำในภูเขาแถบธิเบต
ส่วนประเทศไทยเราจะพบเห็นตามถ้ำทางภาคเหนือ และลึกเข้าไปในแคว้นเชียงตุงของพม่า
และทางลาวเหนือ เพราะเหล็กไหลชีปะขาวชอบอากาศหนาวจัด มีอานุภาพทางแคล้วคลาดล่องหนหายตัวได้ชั่วคราว
ถูกไฟไม่ยืด แต่ถ้าใช้คาถาอาคมยืดได้ มีมายาในตัวงอกขึ้นได้เล็กลงได้
7. ขี้เหล็กไหล หรือโคตรเหล็กไหล เหล็กไหลประเภทนี้เกิดจากเหล็กไหลถูกพลังฌานเรียกให้มารวมตัวกันอยู่เป็นกระจุก
แล้วถูกผู้มีอาคมขลังไปเชิญหรือไปทำพิธีตัดเอาเหล็กไหลส่วนหนึ่งออกไปเหลือแต่ฐานติดผนังถ้ำหรือพื้นถ้ำ
ซึ่งส่วนที่เหลือนี้เองที่เรียกกันว่า “โครตเหล็กไหล” หรือ
“ขี้เหล็กไหล”
เหล็กไหลประเภทนี้บางคนก็เรียกว่าเป็นเหล็กไหลตายซาก ไม่มีอานุภาพยืดได้หดได้
เพิ่มหรือลดน้ำหนักได้ เพียงแค่เป็นธาตุกายสิทธิ์เท่านั้น
เป็นเหล็กไหลที่ไม่มีชีวิตแล้วแต่ถ้ามีเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณนำเอามาปลุกเสก
เหล็กไหลประเภทนี้ก็อาจจะมีฤทธิ์เดช มีอานุภาพขึ้นมาได้เหมือนกัน
8. เหล็กเปียก เหล็กไหลประเภทนี้มีวรรณะสีขาวขุ่นเหมือนตะกั่ว
เป็นโลหะธาตุที่มีเนื้อเปียกชุ่มอยู่ตลอดเวลา คล้ายถูกหมอกน้ำค้างจับเกาะ
หากพกพาไว้ในตัวเข้าไปในสถานที่ร้อนอบอ้าว ก็จะเปลี่ยนบรรยากาศให้ชุ่มเย็นได้
ถ้าเอาไว้ใกล้ ๆ ปืนบรรจุกระสุน จะทำให้กระสุนด้านหมด มีอานุภาพป้องกันฟ้าผ่า
คงกระพันกันอาวุธทุกชนิด และทำให้หนังเหนียว
ติดตามตอนต่อไป
จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์(คุณวิทยา
ประทุมธารารัตน์ บรรณาธิการ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น