วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เหล็กน้ำพี้


     ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีพี่น้อง 2 คนเป็นเด็กกำพร้า พ่อได้มีเมียใหม่ และแม่เลี้ยงไม่ชอบลูกเลี้ยงทั้ง 2 คนจึงให้พ่อของเค้าไล่ออกจากบ้านมา เมื่อทั้ง 2 ออกจากบ้านก็ทำอาชีพปลูกผักเลี้ยงสัตว์ วันหนึ่งมีวัวหลุดออกมาจากคอกจึงได้เก็บหินมาขว้างไล่กลับคอก แต่หินทะลุหัววัวตายทันทีจึงสงสัยและเก็บหินที่ได้มาดูรู้ว่าเป็นเหล็กจึงตีเป็นมีดอีโต้ถวายให้เจ้าเมือง
      เจ้าเมืองเห็นจึงไม่รับเพราะตนมีอาวุธมากอยู่แล้ว พี่น้อง 2 คนน้อยใจจึงได้กดมีดที่ท้องพระโรงมาตามทาง ท้องพระโรงเป็นรอยขาด 2 ซีก เจ้าเมืองเห็นจึงให้ไปตามพี่น้อง 2 คนมาเพื่อขอมีดอีโต้ แต่พี่น้อง 2 คนนั้นทิ้งลงในบ่อน้ำไปแล้ว
เจ้าเมืองจึงสั่งให้ดำลงไปงมหา ปรากฏว่าทหารที่ลงไปนั้นตายเพราะถูกมีดอีโต้บาด ทำให้บ่อน้ำนั้นมีชื่อว่า บ่อสามพัน ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ บ่อเหล็กน้ำพี้อีกด้วย
     ชาวบ้านจึงนับถือพี่น้องทั้ง 2 คนเป็นเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้เป็นต้นมาและตั้งศาลให้เมื่อพี่น้อง 2 คนเสียชีวิตลง บ่อน้ำพี้เป็นที่ท่องเที่ยวสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และชอบการดำเนินชีวิตของคนได้เป็นอย่างดี

ที่มาเว็บไซด์ ที่เที่ยวอุตรดิตถ์


วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2562

พญางิ้วดำ ตะกล่ำดำ


     พญางิ้วดำ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเพชรพญาธร คนธรรพ์ มีนางพญาไม้เป็นผู้ดูแลรักษา เด่นทางด้านแคล้วคลาด ปลอดภัยและมีเสน่ห์อยู่ในตัวเอง ใครพบใครเห็นก็เกิดความนิยมชมชอบป้องกันคุณไสย เกิดโชคลาภ ถือว่าเป็นรังของพญาครุฑ

     ตะกล่ำดำ จัดเป็นผลไม้อาถรรพณ์ ซึ่งมีอำนาจทางด้านอยู่ยงคงกระพัน เหนียว สามารถที่จะคุ้มครอง ป้องกันให้แคล้วคลาดไปจากสัตว์มีพิษทั้งหลายได้ ลำต้นคล้ายเถาวัลย์ เป็นฝักมีประมาณ 4-5 เม็ด

ข้อมูลจากหนังสือธาตุกายสิทธิ์ โดยอริยะ

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เม็ดข้าวสารดำ ข้าวเหนียวดำ


     เม็ดข้าวสารดำ ข้าวเหนียวดำ พบมากในแถบจังหวัดสุโขทัย จัดเป็น ธาตุกายสิทธิ์ที่มีแม่โพสพเป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจ เด่นทางเมตตา โชคลาภ ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ขึ้นในบ้านเรือน จะเกิดฤทธิ์อำนาจได้ก็ต่อเมื่อผู้ที่เป็นเจ้าของตั้งมั่นอยู่ใน “สัจจะ” เท่านั้น ใช้อธิษฐานเพื่อปิดกระแสของอวิชาได้ มีฤทธิ์ในการต่อต้านอวิชชา และมนต์มายาต่าง ๆ ได้ ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของ มีกิน มีใช้ ไม่อดอยาก (ขอเพิ่มนิดหนึ่ง ส่วนตัวผู้เขียน กฤษฎา มีพระสมเด็จที่แกะจากฟอสซิลหินที่มีข้าวสารดำ และ พระบูชาพระสังกัจจายน์แกะจากฟอสซิลหินที่มีข้าวสารดำซึ่งปรากฎเล็กน้อยที่ฐานพระ ผมชอบไปเดินที่สนามหลวงสองมีร้านหนึ่งที่มีพระหินขายและหลากหลาย ผมไม่ไปมาห้า หกปีแล้ว ไม่รู้ร้านนี้ยังอยู่รึเปล่า ลุงเจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากครับ)



ภาพข้าวสารดำจากเว็บ G-pra.com


ข้อมูลจากหนังสือธาตุกายสิทธิ์โดยอริยะ

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กัลปังหาดำ


     กัลปังหาดำ เป็นต้นไม้อาถรรพณ์ที่มีอยู่เฉพาะในท้องทะเลลึกเท่านั้นชาวประมงถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์สามารถที่จะนำไปใช้ในการป้องกัน ภูติพราย สิ่งชั่วร้ายจากพวกอสูรกายที่ชอบมาใช้ฤทธิ์อำนาจ ทำให้เรือพลิกคว่ำ จัดเป็นของหายากของ พวกฤาษีชีไพร ซึ่งกำลังบำเพ็ญพรต อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรที่เป็นเทือกเขาสูง โดยเฉพาะลับแลและเมืองบังบดต่าง ๆ เพราะเขาถือกันว่ามีค่ายิ่งกว่าทองคำสำหรับชนชาวเขา เพราะมีเกลือและธาตุเหล็กซึ่งไหลจากภูเขาสูงลงไปอยู่ในท้องทะเล สามารถที่จะนำไปใช้ในการรักษา ปัดเป่าเสนียดจัญไรที่เกิดจากภูต ผี ปีศาจ ได้เป็นอย่างดี เข้าเครื่องยาฤาษี ทำปลัดขิกป้องกันสัตว์มีเขี้ยวงา

ภาพปลัดขิกแกะจากกัลปังหาดำจากเว็บ G-Pra.com

เรื่องจากหนังสือธาตุกายสิทธิ์โดยอริยะ

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กระชายดำ


     กระชายดำ จัดเป็นสมุนไพรที่มีอำนาจและฤทธิ์เดชในตัวเองสูง ส่วนใหญ่จะกลายเป็นอาหารที่ชื่นชอบของปรอทดิบพบมากในแถบดงพญาเย็น เมื่อปรอทดิบกินกระชายดำเข้าไปมาก ๆ ก็จะมีฤทธิ์ อำนาจ เพิ่มมากยิ่งขึ้น สามารที่จะล่องหนหายตัวได้ นำไปใช้ในการสักยันต์  แต่แพ้บารมีของขมิ้น (เพราะขมิ้นคือ พญาแห่งสมุนไพร)
     จัดเป็นสมุนไพรที่หาได้ยากรองมาจากไพรดำ ชอบที่จะขึ้นในป่าดงดิบ ที่กิเลสตัณหาของมนุษย์เข้าไปไม่ถึง ทำให้กระชายดำมีฤทธิ์อำนาจ ในการป้องกัน ภูต ผี ปีศาจ และคุณไสยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ฤทธิ์อำนาจของพืชวัตถุ


     ไพรดำ ลักษณะเป็นไพรที่มีสีดำสนิทจัดเป็นของอาถรรพณ์เด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพัน ในสมัยโบราณเขามักนิยมนำมาฝนผสมกับน้ำหมึก เพื่อใช้ในการสักยันต์ ทำให้เกิดความเหนียว คุ้มครอง แคล้วคลาด เหมือนกับพญาสมิงเหล็ก ถ้านำไปใส่ในหม้อข้าว ก็ทำให้ข้าวที่หุงดำหมดหม้อ เมื่อนำไปรับประทานก็จะทำให้เกิดพละกำลัง สามารถที่จะเข้าไปทำลายล้างคุณไสยเสนียดจัญไร ซึ่งทำให้เกิดโรคฝีในท้องได้
     พบมากในป่าลึก เมื่อนำไปปลูกในเมืองก็จะกลายเป็นไพรม่วง เพราะมีกิเลส ตัณหา คลื่นกระแสของจิตไฝ่ต่ำเข้าไปครอบงำ ทำให้ฤทธิ์อำนาจของไพรดำลดลง ถือกันว่าเป็นยาวิเศษของพวกลับแล เมื่อนำมาหุงกับน้ำมันงาและว่านยาต่าง ๆ ก็จะกลายเป็น “น้ำมันตาทิพย์” สามารถที่จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปจนถึงปรโลกได้ (สำหรับผู้เขียน กฤษฎา เคยเห็นตาเอามาฝนใส่หัวไก่ชนก่อนนำไปตี เพื่อให้ไม่แตกเวลาชน เคยถามว่าอะไรตาบอกว่าขมิ้นดำแต่มันสีม่วงนะไม่ดำ เขาจะตากให้แห้งแล้วนำมาใช้ ไม่ทราบว่าเป็นชนิดเดียวกันรึเปล่า)

ที่มาหนังสือธาตุกายสิทธิ์โดยอริยะ

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ประเภทของเหล็กไหล(ตอนจบ)


     9. แก่นเหล็กหรือไม้หิน จัดเข้าอยู่ในตระกูล “พญาเหล็ก” หรือ “เหล็กไหลย้อย” ฝรั่งเรียกว่า “ฟอสซิล” มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ขลังทางตบะเดชะมหาอำนาจดุจเสือโคร่งเจ้าป่า ที่ใครเห็นแล้วต้องผวาด้วยความเกรงกลัว เกจิอาจารย์ผู้มี “ตาใน” กล่าวว่าไม้หินหรือแก่นเหล็กนี้ เป็นที่สิงสถิตของอสูรเทพดุร้ายที่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้มา “เข้ากรรม” หรือเสวยกรรมในโลกมนุษย์เพื่อไถ่บาป
     แก่นเหล็กหรือไม้หินคืออะไร แก่นเหล็กหรือไม้หินมิใช่เหล็กไหล แต่ก็ถือว่าถ้าได้รับการอธิษฐานจิตด้วยพลังอำนาจจตุตถฌาน จะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ใกล้เคียงกับเหล็กไหลสีเขียวปีกแมลงทับทีเดียว
     แก่นเหล็กหรือไม้หินคือแก่นไม้ตะเคียนหินอายุ 10 ล้านปี หรือแก่นไม้สักหินอายุ 15 ล้านปี แก่นไม้สักเอาไปเจียรนัยเป็นหัวแหวนได้เรียกว่า “คดไม้สัก” หรือ “แก้วตาเสือ”
     10. เหล็กหลบ โลหะมหัศจรรย์ชนิดนี้มิใช่เหล็กไหล แต่จัดจัดอยู่ในประเภทธาตุกายสิทธิ์ในตระกูลเหล็กไหลเหมือนกัน เป็นโลหะสีเขียวอมดำเป็นมัน สีเปลือกมังคุด สีน้ำตาลไหม้ หรือสีทองลูกบวบ ไม่ชอบเล่นไฟ ไม่กินน้ำผึ้ง ปืนยิงออก แต่ยิงไม่ถูก จัดเป็นแคล้วคลาดอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะถูกยิงถูกแทงรังสีของเหล็กหลบก็จะทำให้แคล้วคลาดไปได้หมด อาวุธจะแฉลบไปแฉลบมาไม่ถูกตัวคน
     11. สัตตโลหะ โลหะชนิดนี้ก็มิใช่เหล็กไหล แต่เป็นโลหะสังเคราะห์ เอาโลหะ 7 ชนิดมาหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถือเป็นแร่ที่มีสิริมงคล มีคุณภาพและคุณสมบัติทางเมตตามหานิยม อายุยืน ใครมีไว้บูชาหรือเอาติดตัวไปจะไม่มีการตายโหงแน่นอน (เหมือนหอกสัตตโลหะในเรื่องไกรทอง ชาละวันจระเข้จ้าวมีเขี้ยวแก้วยังต้องพ่ายแพ้ ซึ่งอาวุธธรรมดาทำอะไรไม่ได้)
     12. ทรหด เป็นแร่ที่เกจิอาจารย์ผู้มีพุทธาคมปลุกเสกใช้ในทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี ยิงแทงไม่เข้า ป้องกันอาวุธมีคมสารพัด ไม่อยู่ในตระกูลเหล็กไหล แต่เป็นประเภทเหล็กที่มีฤทธิ์จึงเอามารวมไว้ให้ผู้ต้องการศึกษาได้รู้ไว้



ที่มาหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ประเภทของเหล็กไหล(ตอนที่ 2)


      6. เหล็กไหลชีปะขาว เหล็กไหลประเภทนี้มีสีขาวเป็นมันเลื่อมคล้ายเกล็ดงู เกจิอาจารย์บางท่านเรียกว่า “พญางูเผือก” พวกพระลามะธิเบตชอบมีไว้ประจำตัวเพราะมีมากในถ้ำในภูเขาแถบธิเบต ส่วนประเทศไทยเราจะพบเห็นตามถ้ำทางภาคเหนือ และลึกเข้าไปในแคว้นเชียงตุงของพม่า และทางลาวเหนือ เพราะเหล็กไหลชีปะขาวชอบอากาศหนาวจัด มีอานุภาพทางแคล้วคลาดล่องหนหายตัวได้ชั่วคราว ถูกไฟไม่ยืด แต่ถ้าใช้คาถาอาคมยืดได้ มีมายาในตัวงอกขึ้นได้เล็กลงได้
     7. ขี้เหล็กไหล หรือโคตรเหล็กไหล เหล็กไหลประเภทนี้เกิดจากเหล็กไหลถูกพลังฌานเรียกให้มารวมตัวกันอยู่เป็นกระจุก แล้วถูกผู้มีอาคมขลังไปเชิญหรือไปทำพิธีตัดเอาเหล็กไหลส่วนหนึ่งออกไปเหลือแต่ฐานติดผนังถ้ำหรือพื้นถ้ำ ซึ่งส่วนที่เหลือนี้เองที่เรียกกันว่า “โครตเหล็กไหล” หรือ “ขี้เหล็กไหล”
     เหล็กไหลประเภทนี้บางคนก็เรียกว่าเป็นเหล็กไหลตายซาก ไม่มีอานุภาพยืดได้หดได้ เพิ่มหรือลดน้ำหนักได้ เพียงแค่เป็นธาตุกายสิทธิ์เท่านั้น เป็นเหล็กไหลที่ไม่มีชีวิตแล้วแต่ถ้ามีเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณนำเอามาปลุกเสก เหล็กไหลประเภทนี้ก็อาจจะมีฤทธิ์เดช มีอานุภาพขึ้นมาได้เหมือนกัน
     8. เหล็กเปียก เหล็กไหลประเภทนี้มีวรรณะสีขาวขุ่นเหมือนตะกั่ว เป็นโลหะธาตุที่มีเนื้อเปียกชุ่มอยู่ตลอดเวลา คล้ายถูกหมอกน้ำค้างจับเกาะ หากพกพาไว้ในตัวเข้าไปในสถานที่ร้อนอบอ้าว ก็จะเปลี่ยนบรรยากาศให้ชุ่มเย็นได้ ถ้าเอาไว้ใกล้ ๆ ปืนบรรจุกระสุน จะทำให้กระสุนด้านหมด มีอานุภาพป้องกันฟ้าผ่า คงกระพันกันอาวุธทุกชนิด และทำให้หนังเหนียว

ติดตามตอนต่อไป
จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์(คุณวิทยา ประทุมธารารัตน์ บรรณาธิการ)

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ประเภทของเหล็กไหล

     
     ประเภทของเหล็กไหล แบ่งตามลักษณะเนื้อเหล็ก คุณสมบัติสถานที่อยู่ และอื่น ๆ ได้ถึง 12 ประเภท

     1. เหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลประเภทนี้มีสีสันวรรณะเขียวเหมือนสีของปีกแมลงทับ พบในที่ลึกล้ำอันสงบวิเวก เช่นในถ้ำหรือป่าลึกที่ผู้คนเข้าไม่ถึง เหมือนฤาษีที่หลีกลี้หนีความวุ่นวายของมนุษย์เข้าไปบำเพ็ญฌานนานนับด้วยหมื่นปี ยืดได้หดได้

     2. เหล็กไหลเจ้าป่า เหล็กไหลประเภทนี้มีวรรณะสีดำนิล เป็นมันเลื่อมเมื่อกระทบแสงสว่าง ผิวค่อนข้างหยาบ ไม่เนียนเหมือนเหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลเจ้าป่าชอบเล่นกับไฟ ยืดได้หดได้เหมือนเหล็กไหลโกฏิปี

     3. เหล็กไหลย้อย เหล็กไหลประเภทนี้เป็นเหล็กไหลที่ตายซาก เมื่อถูกไฟจะไม่ยืดไม่หดไม่กินน้ำผึ้งแม่เหล็กไม่ดูด มีฤทธิ์มีอานุภาพเล็กน้อยคือทำให้แคล้วคลาด ยิงไม่ถูกฟันไม่ถูก เพราะมีมายาหลอนในตัวมันเอง เกจิอาจารย์บางท่านเรียกเหล็กไหลประเภทนี้ว่า “พญาเหล็ก”

     4 . เหล็กไหลเพลิง เหล็กไหลประเภทนี้มีรูปพรรณสันฐานและสีสันวรรณะคล้ายอิฐมอญเป็นประกายสดใส ถ้าหมุนเล่นกับความสว่างในห้อง จะเกิดภาพหลอนดูคล้ายกับงูเลื้อยบิดเบี้ยวไปมา สามารถสร้างภาพมายาหลอกหลอนได้นา ๆ ชนิดชอบกินน้ำผึ้ง เอาไฟลนยืดได้เหมือนตังเม บางอาจารย์เรียกว่า “เหล็กประสานกาย”

     5. เหล็กไหลน้ำ เหล็กไหลประเภทนี้มีวรรณะสีเขียวปนดำเป็นมันด้าน ๆ ไม่แวววาวเท่าใด ลักษณะย้อยเป็นรูปหยดน้ำ ชอบเกาะอยู่ตามตาน้ำในซอกหินลึกลับ

ติดตามตอนต่อไป 
จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กำเนิดเหล็กไหล(ตอน3)

    
ภาพหยดน้ำฟ้าหรือวัชระธาตุ

     ชนิดเมฆพัด  สีฟ้าอมดำเป็นเงามัน มีเทวดาชั้นเทพที่มีหิริโอตัปปะเป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจในทางคงกระพันชาตรีและมหาอุด มีมากในท้องมหาสมุทร สามารถเคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำขึ้นลงได้ ถ้าพบในถ้ำหรือตามป่าเขา ก็มักจะอยู่ในที่มีน้ำไหลผ่านด้วยเสมอ เพราะเหล็กไหลชนิดนี้ชอบวิ่งเล่นไปตามกระแสน้ำ หากมีเหตุเพทภัยมาถึงตัว ก็สามารถลื่นไหลหลบหลีกอันตรายได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว เพราะชอบกินปรอทในน้ำเป็นอาหาร


ภาพเหล็กไหลขาวหรือเหล็กเปียก

     ชนิดสีฟ้าอ่อนอมขาว มีเทวดาชั้นเทพพรหมเป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจในการปรับอุณภูมิในสถานที่อยู่ให้เป็นไปตามที่ต้องการ สามารถเรียกละอองน้ำจากภายนอกเข้ามาในบริเวณที่เหล็กไหลชนิดนี้อยู่ จึงมีฤทธิ์ช่วยให้พรางกายได้เหมือนล่องหนหายตัว พบมากในป่าดงดิบไม่ชอบความสว่าง ความร้อนจากเปลวไฟและแสงอาทิตย์ กันฟ้าผ่าได้


ภาพเหล็กไหลฤาษีพรรณขาวนวล

     ชนิดสีเขียวปีกแมลงทับ มีพระอริยเทพ อริยพรหมชั้นสูงเป็นผู้ดูแลรักษา ชอบอยู่ในที่ ๆ มีอากาศเย็นจัด พบมากในถ้ำลึก ๆ และอยู่สูงกว่าพื้นดินมาก ๆ ผู้ที่จะเข้าไปค้นหาจนพบมักจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงคุณ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปค้นหาเหล็กไหล แต่เข้าไปเพื่ออาศัยความสงบวิเวกเพื่อบำเพ็ญเพียรภาวนา และได้พบเห็นโดยบังเอิญ


ภาพหยดน้ำฟ้าสีเงินยวง

     ชนิดสีเขียวอมขาว เหล็กไหลชนิดนี้มีบารมีธรรมอยู่ในตัวของมันชอบอยู่ในถ้ำตามป่าเขา หรือในท้องทะเลลึก หรือในสถานที่ ๆ เคยเป็นทะเลมาในอดีต


ภาพโคตรเหล็กไหล หรือรังเหล็กไหล

     ชนิดสีเงินยวง หรือขาวหม่น มีฤทธิ์ทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีล่องหนหายตัวได้ ดลจิตดลใจผู้เป็นเจ้าของให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมสร้างกุศล เป็นเหล็กไหลที่พบหาได้ง่ายมากในที่ ๆ มีอากาศเย็นจัดยิ่งมีหิมะปกคลุมอย่างบนภูเขาหิมาลัยในอินเดียยิ่งชอบอยู่


ภาพเหล็กไหลตาแรดผ่านการเจียระไนอย่างงดงาม

     ชนิดสีขาวนวล เหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ซึ่งถือเป็นสุดยอดของเหล็กไหล มักจะอยู่บนภูเขาสูง อยู่ได้ทั้งที่อากาศร้อนและหนาว ส่วนใหญ่ผู้รู้มักจะนำเหล็กไหลชนิดนี้ไปไว้ในปูชะนีสถานทางพุทธศาสนา เช่นเก็บเอาไว้ในส่วนยอดของเจดีย์ เพื่อป้องกันฟ้าผ่าภัยพิบัตินานาประการ อันจะเกิดขึ้นกับคนหมู่มาก

หมายเหตุ (ภาพประกอบอาจไม่ตรงเนื้อเรื่องแต่ต้องการให้รู้จักไว้)

ติดตามตอนต่อไป
เรื่องและภาพ จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์












     

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562

กำเนิดเหล็กไหล(ตอน2)

      
พระพุทธรูปเหล็กไหลวัดพุทไธสวรรค์(จากเว็บบอร์ดวัดโสมนัสฯ)

เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปเหล็กไหลก็จะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับภูมิประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่ เปลี่ยนทั้งรูปทรงและสีสันจึงเกิดเป็นเหล็กไหลหลายชนิดตามที่ไปพบเห็นและนำมันมาเก็บรักษาไว้แล้วตั้งชื่อให้
     รูปพรรณสัณฐานของเหล็กไหลไม่แน่นอนตายตัว มันแยกตัวได้และส่วนที่หลุดออกมาเป็นออกมาเป็นอิสระนี้ก็จะค่อย ๆ แข็งตัวและคงรูปถาวรอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะมีคนไปแปรรูปมันเป็นอย่างอื่นไปอีก 
     ปกติแล้วเหล็กไหลจะอาศัยอยู่กับธาตุที่มีความแข็งแกร่ง โดยเข้ายึดเกาะ มักจะเกิดตัวอยู่กับหินที่มีแร่ธาตุเหล็กผสมอยู่ด้วยมากเป็นพิเศษ เพราะเหล็กไหลจะอาศัยธาตุเหล็กกินเป็นอาหาร แลัวมันก็จะ "คาย" หรือขับถ่ายเศษสิ่งที่เหลือออกมากลายเป็น "ขี้เหล็กไหล" ซึ่งจะไม่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับตัวเหล็กไหลจริง ๆ
     นอกจากธาตุเหล็กแล้ว เหล็กไหลยังชอบกินน้ำผึ้งอีกด้วย เหล็กไหลมีหลายชนิดหลายสีหลายรูปทรง แบ่งสีสันเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ดังนี้
     ชนิดสีดำ คือเหล็กไหลชนิดแรกตั้งเดิม เมื่อเกิดมีเหล็กไหลขึ้นมาในโลก มีฤทธิ์อำนาจในทางโลกียะมากที่สุด เพราะเทวดาที่เข้าไปครอบครองดูแลเป็นพวกเทวดามิจฉาทิฐิ จะมีบุญบารมีในทางธรรมน้อยกว่าเหล็กไหลทุก ๆ สี
     ชนิดสีน้ำตาลอมแดง มีเทวดาจำพวกพญานาคเข้าไปดูแลรักษา จึงมีฤทธิ์มีอำนาจมาก ชอบใช้ฤทธิ์อำนาจในรูปของฌาณสมาบัติที่เรียกกันว่า "กสิณไฟ" เพื่อปรับอุณหภูมิให้แก่ตนเอง มีฤทธิ์อำนาจในการทำลายล้างพวกอวิชชา และ มนต์ดำ กันพวกภูตผีปีศาจได้
      ชนิดสีท้องปลาไหล (สีน้ำตาลอ่อน) มีเทวดาพวกคนธรรพ์และเพชรพญาธรเป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับพญานาค ที่พิเศษกว่าก็คือสามารถลื่นไหลไปมาได้ กำบังกายได้ ส่วนใหญ่จะพบในป่าดงดิบซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าเพชรพญาธรและคนธรรพ์ มีฤทธิ์ไปในทางเมตตามหานิยม เรื่องของความรักและครอบครัว

ติดตามตอนต่อไป
อ้างอิงจากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ 
เรียบเรียงโดย กฤษฎา ปาลีเรียม














     

พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...