ขอบคุณภาพจากเฟสบุค |
พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธัมมะวิตักโกภิกขุ) ถือกำเนิดในตระกูลจินตยานนท์ ของพระนรราชภักดี (ตรอง จินตยานนท์) และนางนรราชภักดี (พุก จินตยานนท์) ท่านถือกำเนิดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ตรงกับวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2440 วันนั้นเป็นวันมาฆบูชาอันเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา
สำเร็จการศึกษาวิชารัฐศาสตร์บัณฑิตรุ่นแรกของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์เมื่อ พ.ศ.2457 อายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ถวายตัวเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจากตำแหน่งมหาดเล็กพิเศษแผนกกองตั้งเครื่อง จนถึงที่พระยานรรัตนราชมานิตด้วยอายุเพียง 25 ปี พ.ศ.2465 อีกสองปีต่อมาคือในปี พ.ศ.2467 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี
ออกอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศลแก่เจ้าชีวิตของท่าน ณ พัทธสีมาวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2468 โดยในที่สุดได้ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาครองสมณะเพศอยู่จนมรณภาพเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2514
คุณธรรมที่ปรากฏต่อบุคคลทั่วไปคือ
1. สัจจะ ถวายตัวบวชแล้วดำรงสมณะเพศจนตลอดชีวิตยึดมั่นในศีลทานภาวนาเป็นสรณะจนถึงวาระสุดท้าย
2. ขันติ มีความอดทนอดกลั้นต่อกิเลสและเครื่องล่อหลอกทั้งปวงทั้งทางโลกและทางธรรมสละแม้คู่หมั้นและทรัพย์สมบัติทั้งปวงมิใยดี สละตำแหน่งและบำนาญทางโลก แม้จะโปรดเกล้าพระราชทานสมณะศักดิ์ก็ไม่ยอมรับ
3. พูดอย่างใดทำอย่างนั้น ทุกคำพูดที่ท่านพูดท่านสอนแก่บุคคลทั่วไปท่านทำได้ตามนั้นทุกประการไม่ผิดพลาด และผู้ใดทำตามคำสอนของท่านก็ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน
4. มุ่งแนวอริยะ ปฏิบัติอย่างแน่วแน่แนบแน่นและมั่นคง ยึดมั่นในศีล ทาน ภาวนา และแนวทางแห่งพระอรหันต์ตามแนวแห่งบูรพาจารย์แต่สมัยพุทธกาล
ตามแนวสี่ประการที่ได้ยกมานี้ทุกคนที่เคยได้นมัสการได้ใกล้ชิดท่านจะเป็นผู้ยืนยันได้เป็นอย่างดี
นี่คือธัมมะวิตักโกที่แท้จริง
ปีพุทธศักราช 2513 อันเป็นพรรษาสุดท้ายของพระคุณเจ้าในสมณะเพศได้มีช่างภาพผู้หนึ่งได้มาดักรอจะถ่ายภาพของท่านในระหว่างการทำวัตรในพระอุโบสถ และได้มารออยู่หลายครั้งแต่ไม่สบโอกาสสักครั้ง วันนั้นพระคุณเจ้าออกจากกุฏิของท่านมาทำวัตรแต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันเพราะท่านถอดฟันปลอมของท่านออกหมดแล้วจึงไปทำวัตร
เมื่อช่างภาพมากราบนมัสการขอถ่ายถาพพระคุณเจ้าก็อนุญาตแล้วกล่าวกับช่างภาพผู้นั้นเป็นปริศนาธรรมว่า "อนุญาตให้คุณถ่ายภาพได้จำไว้นะนี่คือธัมมะวิตักโกที่แท้จริง"
ภาพนั้นช่างภาพได้ถ่ายทางด้านข้างของท่านโดยแสงธรรมชาติจึงเป็นภาพของพระคุณเจ้าท่านเจ้าคุณรัตนราชมานิตในลักษณะแห่งความชราภาพจนถึงที่สุดคำว่า นี่คือธัมมะวิตักโกที่แท้จริงของท่านเป็นปริศนาธรรมว่า
"มนุษย์เรานั้นมีเกิดแก่เจ็บและตายเป็นของประจำตัวและนี่ก็คือสังขารที่แท้จริงของท่านที่ปราศจากฟันปลอมอันเป็นเครื่องช่วยขบเคี้ยวอาหาร เป็นสังขารที่เป็นชราและจะมรณะในไม่ช้านี้แล้ว"
ภาพนี้จึงเป็นภาพปริศนาธรรมภาพแรกและภาพสุดท้ายของพระคุณเจ้าที่นับว่ามีอานุภาพมากที่สุดก็ว่าได้และกลายเป็นอมตะมาจนทุกวันนี้
จากหนังสือมหัศจรรย์ฉบับที่ 724 ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้
ออกอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศลแก่เจ้าชีวิตของท่าน ณ พัทธสีมาวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2468 โดยในที่สุดได้ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาครองสมณะเพศอยู่จนมรณภาพเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2514
คุณธรรมที่ปรากฏต่อบุคคลทั่วไปคือ
1. สัจจะ ถวายตัวบวชแล้วดำรงสมณะเพศจนตลอดชีวิตยึดมั่นในศีลทานภาวนาเป็นสรณะจนถึงวาระสุดท้าย
2. ขันติ มีความอดทนอดกลั้นต่อกิเลสและเครื่องล่อหลอกทั้งปวงทั้งทางโลกและทางธรรมสละแม้คู่หมั้นและทรัพย์สมบัติทั้งปวงมิใยดี สละตำแหน่งและบำนาญทางโลก แม้จะโปรดเกล้าพระราชทานสมณะศักดิ์ก็ไม่ยอมรับ
3. พูดอย่างใดทำอย่างนั้น ทุกคำพูดที่ท่านพูดท่านสอนแก่บุคคลทั่วไปท่านทำได้ตามนั้นทุกประการไม่ผิดพลาด และผู้ใดทำตามคำสอนของท่านก็ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน
4. มุ่งแนวอริยะ ปฏิบัติอย่างแน่วแน่แนบแน่นและมั่นคง ยึดมั่นในศีล ทาน ภาวนา และแนวทางแห่งพระอรหันต์ตามแนวแห่งบูรพาจารย์แต่สมัยพุทธกาล
ตามแนวสี่ประการที่ได้ยกมานี้ทุกคนที่เคยได้นมัสการได้ใกล้ชิดท่านจะเป็นผู้ยืนยันได้เป็นอย่างดี
นี่คือธัมมะวิตักโกที่แท้จริง
ปีพุทธศักราช 2513 อันเป็นพรรษาสุดท้ายของพระคุณเจ้าในสมณะเพศได้มีช่างภาพผู้หนึ่งได้มาดักรอจะถ่ายภาพของท่านในระหว่างการทำวัตรในพระอุโบสถ และได้มารออยู่หลายครั้งแต่ไม่สบโอกาสสักครั้ง วันนั้นพระคุณเจ้าออกจากกุฏิของท่านมาทำวัตรแต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันเพราะท่านถอดฟันปลอมของท่านออกหมดแล้วจึงไปทำวัตร
เมื่อช่างภาพมากราบนมัสการขอถ่ายถาพพระคุณเจ้าก็อนุญาตแล้วกล่าวกับช่างภาพผู้นั้นเป็นปริศนาธรรมว่า "อนุญาตให้คุณถ่ายภาพได้จำไว้นะนี่คือธัมมะวิตักโกที่แท้จริง"
ภาพนั้นช่างภาพได้ถ่ายทางด้านข้างของท่านโดยแสงธรรมชาติจึงเป็นภาพของพระคุณเจ้าท่านเจ้าคุณรัตนราชมานิตในลักษณะแห่งความชราภาพจนถึงที่สุดคำว่า นี่คือธัมมะวิตักโกที่แท้จริงของท่านเป็นปริศนาธรรมว่า
"มนุษย์เรานั้นมีเกิดแก่เจ็บและตายเป็นของประจำตัวและนี่ก็คือสังขารที่แท้จริงของท่านที่ปราศจากฟันปลอมอันเป็นเครื่องช่วยขบเคี้ยวอาหาร เป็นสังขารที่เป็นชราและจะมรณะในไม่ช้านี้แล้ว"
ภาพนี้จึงเป็นภาพปริศนาธรรมภาพแรกและภาพสุดท้ายของพระคุณเจ้าที่นับว่ามีอานุภาพมากที่สุดก็ว่าได้และกลายเป็นอมตะมาจนทุกวันนี้
จากหนังสือมหัศจรรย์ฉบับที่ 724 ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น