วัดน้อยเป็นศาลาเภสัชอันยิ่งใหญ่
ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาหาหลวงพ่อเนียมเพื่อขอยา ขอน้ำมนต์ และขอให้สูญผี
ดังนั้นผู้คนจึงดั้นด้นมายังวัดน้อยแม้จะไกลแสนไกลต้องเดินฝ่าทุ่งมาเป็นวัน ๆ
ขี่ม้ามาครึ่งวันก็ไม่ย่อท้อ เพราะวัณโรคกับโรคฝีดาษและอหิวาต์ ตลอดจนโรคพิษสุนัขบ้านั้น
มีหลวงพ่อเนียมที่รักษาได้ชะงัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคพิษสุนัขบ้านั้นหลวงพ่อเนียมได้จับสุนัขที่กำลังเป็นบ้าระยะสุดท้ายมาขังไว้แล้วรักษาจนหายเพื่อแสดงให้เห็นว่า
สุนัขบ้าท่านยังรักษาหายแล้ว นับประสาอะไรกับคน
วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อเนียมกำลังกวาดลานวัดอยู่ก็มีภิกษุหนุ่มสี่รูปเดินตัดทุ่งมาจนถึงวัดน้อย
มาถึงก็นั่งคุกเข่าพนมมือทำความเคารพหลวงพ่อเนียมท่านก็กล่าวกับภิกษุหนุ่มสี่องค์นั้นว่า
“จะมาขอฤกษ์สึกละซี”
“ใช่แล้วขอรับ หลวงพ่อรู้ได้อย่างไร”
หลวงพ่อให้ฤกษ์สึกไปสามรูป
อีกรูปหนึ่งจึงถามหลวงพ่อด้วยความประหลาดใจว่า
“ไม่ให้ฤกษ์ผมหรือ แล้วผมจะสึกได้อย่างไร”
“ยังไม่มีฤกษ์เลย อย่าสึกเลย
ท่านอันตราย”
พระภิกษุทั้งสี่รูปกลับไปวัดสุวรรณภูมิ
แล้วสึกตามฤกษ์ที่หลวงพ่อเนียมให้มา รูปที่สี่เห็นเพื่อนสึกก็สึกตาม
เพราะคาดว่าฤกษ์ที่หลวงพ่อเนียมให้มาคงจะเป็นฤกษ์สำเร็จ
จึงสึกในเช้าวันนั้นและกลับไปบ้าน ตอนค่ำกำลังกินข้าวกับบิดามารดาและพี่น้อง
คู่อริเอาปืนแก็ปมายิงเข้าไปในกลุ่มที่นั่งกินข้าว ทิดสึกใหม่เจอเข้าไปเต็มหัวตายคาวงข้าวนั่นเอง
จากหนังสือฤทธิ์อภิญญาจิตเกจิอาจารย์
โดยประเจียด คงศาสตรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น