หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว
เล่าถึงการเดินธุดงค์ไปกับ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ และ หลวงปู่ชม
เพื่อข้ามไปฝั่งประเทศลาว เพื่อไปดูเหล็กไหล ที่ถ้ำสระบัวประเทศลาวว่า "
กลุ่มของพระอาจารย์เสาร์เดินธุดงค์ไปจากเมืองไทย ได้ลงมติว่า
ขืนปล่อยให้มีเหล็กไหลปรากฏอยู่เช่นนี้ ก็คงจะทำลายต่อผู้ที่โลภโมโทสันอยู่ตลอดไป
จึงเดินทางไปถ้ำสระบัว ที่ภูเขาควาย เพื่อไปดูเหตุการณ์และตัดไฟแต่ต้นลม"
ท่านกล่าว
การเดินทางไปภูเขาควายครั้งนี้ ระหว่างทาง
หลวงปู่จันทร์ดี ขณะนั้นยังเป็นสามเณร ก็ได้เล่าเรื่องราวการตัดเหล็กไหล
และการเสียชีวิตของพระอาจารย์ทั้ง 5 ให้หลวงปู่มั่นฟัง
หลวงปู่มั่นท่านได้แต่หัวเราะและบอกทางหลวงปู่จันทร์ดีว่า " เณรน้อยเอ๋ย
อันว่าเหล็กไหลนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสห้ามไว้ว่า อย่าได้พยายามไปค้นหา
เพราะมันเป็นเรื่องปัญหาอจินไตย"
"คำว่าปัญหาอจินไตย หมายความว่าอย่างไรครับ"
หลวงปู่จันทร์ดีถามพระอาจารย์มั่น "ความหมายของคำว่า
ปัญหาอจินไตย คือ ห้ามมิให้คิดค้นหาข้อสรุปของเหล็กไหล ถ้าอยากรู้ข้อเท็จจริงของเรื่องราว
ก็ไปค้นหาอ่านใน โลกธรรมสูตร อังคุตระนิกาย พระไตรปิฏก เล่มที่ 35เถิด " หลวงปู่มั่นกล่าวตอบ
พอถึงถ้ำสระบัว หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์
และ หลวงปู่ชม ต่างก็ทำพิธีเตรียมตัดเหล็กไหล โดยในขณะนั้น พระมหาปาน
ได้น้ำน้ำผึ้งทาตามบริเวณถ้ำที่เหล็กไหลติดอยู่
ลักษณะการทาน้ำผึ้งของท่านทำอาการคล้ายๆการฉาบปูน คือทาจนผนังเยิ้มไปด้วยน้ำผึ้ง
จากนั้นหลวงปู่เสาร์ก็ใช้เทียนชัยเล่มใหญ่มาก หนักประมาณ 32 บาท
ไส้เทียน 108 เส้น ลนไปรอบๆปุ่มเหล็กไหล 3 รอบ จากนั้นก็หยุดลนไฟ แล้วนั่งทำพิธีบริกรรมภาวนาต่อ ทันใดนั้น
คล้ายมีเสียงดังหนักๆ
ถูกลากหรือเคลื่อนตัวมากับพื้นหินถึงขนาดทำให้พื้นถ้ำสั่นสะเทือน
และมีเสียงดังเอี๊ยดๆและเสียงดังยาวเยือกเย็นเฉียบไปถึงสันหลัง
ดังออกมาด้วยเป็นระยะ จนกระทั่งเสียงเคลื่อนครืดๆมาถึงเหล็กไหล
ปรากฏว่าปุ่มเหล็กไหลเยิ้มออก
คล้ายยางมะตอยทะลัก และเหมือนกับหัวงูแลบลิ้นสองแฉก ออกมาให้เห็นอยู่แวบๆ
หลวงปู่เสาร์ท่านพุดว่า
"ที่เจ้าสำแดงร่างปรากฏออกมาแบบนี้ ไม่เป็นสิ่งดีงามเลย
ทำให้ทุกคนตระหนกตกใจกลัว และมีอาการเหมือนเป็นศัตรูกัน อันพวกเราที่มานี้
ก็เพียงต้องการอยากจะช่วยผู้ที่โลภโมโทสัน ไม่ให้มีอันตราย พวกเราไม่ต้องการให้มีการตายเกิดขึ้นอีก"
พอหลวงปู่เสาร์พูดจบ
หัวงูอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็หยุดนิ่งแต่ยังคงแลบลิ้นสองแฉกอยู่แปลบๆตามเดิม
โดยไม่ได้ล้ำหน้าออกมา ดังนั้นหลวงปู่เสาร์จึงนำเทียนชัยไปลนอีกครั้ง
ปรากฏว่าปุ่มเหล็กไหลได้เยิ้มไหลลงมาที่โถลายครามเคลือบ ซึ่ง
หลวงปู่ชมท่านได้บรรจุน้ำผึ้งไว้ครึ่งโถ ถือรองรับคอยที่อยู่แล้ว
หลวงปู่มั่นและพระมหาปาน
ซึ่งนั่งสวดอยู่รอบๆ ก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมกัน โดยหลวงปู่มั่น ใช้ใบหญ้าคา
ซึ่งผ่านการปลุกเสกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
นำไปตัดเหล็กไหลที่กำลังย้อยลงมากินน้ำผึ้งพอหลวงปู่มั่น นำใบหญ้าคา
ลงไปจรดที่ตัวเหล็กไหลเท่านั้น ปรากฏว่าเหล็กไหลขาด คล้ายๆกับเราเอามีดคมๆ
ไปปาดที่หนังสติกอย่างไรอย่างนั้นแหละ คือไหลขาดตกลงถึงโถเคลือบ
ปรากฏว่าโถในมือของหลวงปู่ชม กระเด็นหลุดจากมือ ตกลงไปยังพื้นถ้ำ
น้ำผึ้งกระจายหกเลอะพื้นถ้ำ ท่ามกลางน้ำผึ้งที่แตกกระจาย
หลวงปู่เสาร์ได้เดินไปหยิบก้อนเหล็กไหลใส่ลงในย่ามของท่าน
ส่วนกลุ่มเหล็กไหลที่เหลือก็ดีดผึงกลับคืนผนังถ้ำ จนผนังถ้ำแตกร้าว
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนเสียงฟ้าผ่า แผ่นดินแทบถล่มทลาย
จากนั้นก็เงียบสนิทไปเหมือนเดิม
หลวงปู่เสาร์ และหลวงปู่ชม
ก็เริ่มทำพิธีตัดเหล็กไหลต่อและได้ทำพิธีเหมือนครั้งแรกคือการตัดแต่ละครั้ง
โถเคลือบที่บรรจุน้ำผึ้งจะต้องกระเด็นหลุด จากมือ หลวงปู่ชม ทุกครั้ง
แต่โถเคลือบใบนั้นก็ไม่มีวี่แววจะแตก และ หลวงปู่เสาร์
ก็เดินไปหยิบก้อนเหล็กไหลที่ตัดได้มาใส่ย่ามทุกครั้ง
การกระทำพิธีของกลุ่มพระธุดงค์
คล้ายผ่านการวางแผนมาแล้ว เป็นอย่างดี คือพระอาจารย์ทุกองค์
ต่างก็ทำหน้าที่ของท่านในแต่ละหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
และในขณะทำพิธีจะไม่มีการพูดคุยกันเลย ท่านกระทำเช่นนั้นถึง 6 ครั้ง ตัดกันจนปุ่มที่เห็นขนาดเท่าตุ่มฆ้องนั้น เรียบหายไปกับผนัง
ท่านจึงหยุดทำพิธี จึงเป็นอันว่าสิ้นสุดกันที สำหรับเหล็กไหลที่ถ้ำสระบัว
ภูเขาควาย ประเทศลาว
เรียบเรียงโดย
กิตติ จิตรพรหม