พักฟื้นเอาแรงอยู่เวียงจันทน์ระยะหนึ่ง เมื่อมีกำลังวังชาพอสมควรแล้ว
ก็เดินธุดงค์ไปทางหลวงพระบาง ไปทุ่งไหหิน เชียงขวาง พงสาลี
เดินไปเดินมาถึงบ้านหัวดงหรือบ้านดงน้อย อยู่เชิงภูเขาควายอีกด้านหนึ่ง ภูเขาควายนั้นเป็นเทือกเขาใหญ่มากเชื่อมโยงกับป่าทึบเทือกเขาอื่น
ๆ จนดูเป็นพืดเดียวกัน
บ้านหัวดงหรือบ้านดงน้อยนั้นตั้งอยู่เชิงขุนเขาใหญ่ภูเขาควายอันมีชื่อเสียงเลื่องลือในความลึกลับอาถรรพณ์ร้ายกาจ
เป็นหมู่บ้านพวกลาวเทิง คำว่า “เทิง” หมายถึงที่สูง ๆ ลาวเทิงก็คือพวกลาวที่ชอบตั้งบ้านเรือนอยู่ในที่สูง
ๆ ตามภูตามดอยมีอาชีพทำไร่ฝิ่นบ้าง ล่าสัตว์บ้าง หาของป่าตัวยาสมุนไพรขายบ้าง
เป็นต้นว่า หาไม้งิ้วดำ หาไม้กฤษณา หาไม้จันทน์แดง
และที่ปลูกข้าวไร่ปลูกพริกมะเขือก็มีเยอะ
หัวหน้าหมู่บ้านชื่อนายน้อยและนายตา มีอาวุโสกว่าใครในหมู่บ้าน
ซึ่งมีกันเพียง 6-7 หลังคาเรือนเท่านั้น
เมื่อเห็นพระธุดงค์มากางกรดอยู่ใกล้ ๆ หมู่บ้านเชิงเขา
ก็มานมัสการถวายน้ำร้อนน้ำชาและน้ำอ้อยงบตามธรรมเนียม
ได้ซักถามถึงการไปการมาธุดงค์ พระอาจารย์ทั้ง 5 ก็ได้ชี้แจงให้ทราบว่า
พากันแสวงวิเวกมาจากภาคอีสานบ้านเฮาโน้นแหละ พี่น้องญาติโยมเอ๋ย ที่มาเยือนถึงถิ่นภูเขาควาย
ก็อยากจะหาทำเลที่สงบเจริญภาวนาบำเพ็ญความเพียรสร้างบารมี
ฝ่ายหนานทั้งสองคือนายน้อยนายตานั้นก็ยิ้มอยู่ในสีหน้าชอบกลอยู่ได้เปรย
ๆ ขึ้นว่า ภูเขาควายนี้เป็นดินแดนศักดิ์ศิทธิ์อาถรรพณ์
มีพระธุดงค์มาจำศีลภาวนาอยู่เสมอมิได้ขาด ปีแล้วปีเล่าจนชาวบ้านป่าเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ส่วนใหญ่พระธุดงค์เหล่านั้นพากันมาแสวงหาเหล็กไหลกายสิทธิ์ในภูเขาควาย
แล้วหนานทั้งสองก็ยกมือไหว้ถามตรง ๆ ว่า “ท่านอาจารย์ที่มาแสวงวิเวกกันเที่ยวนี้
ไม่สนใจเหล็กไหลบ้างหรือขะน่อย” (ขะน่อย แปลว่า ขอรับ)
ติดตามตอนต่อไป
จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์โดยทีมงานเฉพาะกิจ
วิทยา ประทุมธารารัตน์
บรรณาธิการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น