วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เหล็กไหลในลาว (ตอนจบ)


     ได้เกิดเสียงลั่นเปรี๊ยะ ๆ ครืน ๆ ราวกับฟ้าร้องหน้าฝนตามมาด้วยเสียงเหมือนฟ้าผ่าดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว  มีประกายแสงสว่างเจิดจ้าจนนัยน์ตาพร่าพรายมองไม่เห็นอะไร แก้วหูสามเณรจันดีเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่มีชิ้นดี ต้นตะแบกและต้นตะเคียนที่ถูกสายใยเหล็กไหลพันไว้รอบนั้นล้มครืนลงราวกับโดนพายุใหญ่ถล่ม
     เมื่อสามเณรจันดีสามารถปรับสายตาได้เป็นปกติในเวลาต่อมาก็พบว่าสายใยเหล็กไหลที่พันอยู่กับต้นไม้นั้นได้หายไปแล้ว พบแต่ซากศพของพระอาจารย์สมบูรณ์นอนกลิ้งอยู่หน้าถ้ำในลักษณะอาการสยดสยอง เหลือที่จะกล่าว คือแขนขาดทั้งสองข้างส่วนศีรษะไม่รู้ขาดกระเด็นไปทางไหน เหลือแต่คอที่กุดด้วนแต่น่าพิศวงว่า ไม่มีเลือดไหลออกมาเลยสักหยดเดียว
     เสียงระเบิดกึกก้องจนภูเขาควายทั้งลูกสั่นไหวนั้น ทีแรกสามเณรจันดีเข้าใจว่า ถ้ำสระบัวถล่มลงแต่ไม่ใช่ เพราะถ้ำยังคงอยู่ในสภาพเดิม แต่เสียงระเบิดดังกัมปนาทนั้นจะเกิดจากอะไรไม่ทราบได้ จึงวิ่งเข้าไปดูในถ้ำสระบัวจุดเทียนไขส่องดูก็ได้เห็นภาพสยดสยองเหมือนสภาพศพของพระอาจารย์สมบูรณ์คือ พระอาจารย์นักตัดเหล็กไหลทั้ง 4 รูปนั้น คอขาด ตัวขาด แขนขาด ซากศพกลิ้งอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง ส่วนศีรษะนั้นขาดหายไปหมด หาไม่พบแต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือทุกศพไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยดเลย คล้ายถูกสิ่งลึกลับอาถรรพณ์สูบเอาเลือดไปหมดสิ้น
     พระอาจารย์ทั้ง 5 รูป ได้ถูกเหล็กไหลในถ้ำสระบัวภูเขาควายสังหาร ผลาญชีวิตถึงแก่มรณภาพไปอย่างสยดสยอง สามเณรจันดีก็ขวัญหนีดีฝ่อ ไม่สามารถควบคุมสติได้วิ่งเตลิดจีวรปลิวออกจากถ้ำสระบัวด้วยความกลัวสุดขีด กว่าจะถึงหมู่บ้านหัวดงเพื่อบอกกล่าวให้ชาวบ้านได้รับรู้ก็ล้มลุกคลุกคลานมาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
     ไม่เก่งจริงไม่มีบุญญาบารมีพอ อย่าได้หาญกล้าไปเล่นกับเหล็กไหลเป็นอันขาด แม้ได้มาแล้วจะจำหน่ายจ่ายแจกในราคาเป็นล้าน ๆ ก็ไม่คุ้มกับที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับสิ่งที่เป็นกายสิทธิ์ เต็มไปด้วยอานุภาพฤทธิ์เดชอย่างนั้น

     จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์โดยทีมงานเฉพาะกิจ
วิทยา ประทุมธารารัตน์ บรรณาธิการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พญาครุฑ

ครุฑ (สันสกฤต: गरुड) เป็นสัตว์ในนิยายในประมวลเรื่องปรัมปราฮินดูและปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคแ...