![]() |
ภาพป่าลึกจาก google sites |
สามเณรจันดี ซึ่งต่อมาก็คือหลวงปู่จันดี เกสาโว
ซึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์สำคัญยิ่งครั้งหนึ่ง จำได้แม่นยำไม่ลืมเลือนว่า
เมื่อพระธุดงค์ทั้ง 5 เห็นพ้องต้องกันว่า
สิ่งนั้นคือเหล็กไหลร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจารย์วันนาหรือวรรณา ซึ่งมาจากวัดบ้านเลิง
อำเภอโกสุมพิสัย
จังหวัดมหาสารคามได้มอบหมายให้อาจารย์โพธิ์ไปหาน้ำผึ้งในป่าแถวนั้น
ซึ่งมีรังผึ้งอยู่ตามต้นไม้ใหญ่และหน้าผาสูงมากมาย
ส่วนอาจารย์สมบูรณ์กับอาจารย์สิงห์และอาจารย์แก้ว
ได้ช่วยกันเตรียมข้าวสารทำข้าวหลามเพราะช่วงนั้นใกล้เพลแล้ว
ส่วนสามเณรจันดีมีหน้าที่ไปหาไม้ไผ่มาทำกระบอกข้าวหลาม
และหาไม้มาสุมไฟในถ้ำให้เกิดความสว่างไสว (สำหรับบันทึกของ “ไตรทิพย์” ตรงนี้ พระอาจารย์สิทธา
เชตะวัน ได้เขียนแทรกข้อสังเกตว่า...หน้าที่หุงข้าวก็ดี ทำข้าวหลามก็ดี
เป็นหน้าที่ของตาผ้าขาวหรือสามเณรเท่านั้น
ส่วนพระภิกษุถ้าริเริ่มทำตั้งแต่จัดแจงเรื่องข้าวสารก็ถือว่าผิดพระวินัยแล้ว
แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือเผาข้าวหลามก็ถือผิดพระวินัยอยู่ดี เพราะไปจับต้องข้าวสาร
มีเจตนาจะทำข้าวหลาม เจตนาเป็นตัวกรรม
ฉะนั้นเทวดาเจ้าป่าเจ้าถ้ำเห็นแล้วย่อมไม่พอใจอย่างแน่ ๆ ที่พระภิกษุละเมิดพระวินัยเช่นนั้น
มีหลักสัจธรรมอยู่ว่าพระธุดงค์จะปลอดภัยในป่าถิ่นอันตราย ศีล พระวินัย
ต้องเคร่งครัดบริสุทธิ์อย่างที่สุด ถ้าศีลขาดศีลด่างพร้อย จะได้รับอันตรายทันที)
![]() |
ภาพข้าวหลามจาก youtube.com |
ส่วนอาจารย์วันนา ได้จัดแจงต้มเทียนผสมหัวรังผึ้งเพื่อทำเทียนชัย
ซึ่งจะต้องใช้ขี้ผึ้งบริสุทธิ์ล้วน ๆ ใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่ยาว ๆ
และใชฝ้ายหนึ่งใจแทงไว้กลางกระบอกไม้ไผ่เพื่อทำเป็นใส้เทียนจากนั้นรอให้เทียนเย็นจนกว่าจะจับตัวแข็ง
จึงใช้มีดฟันกระบอกไม้ไผ่ออกจึงจะได้เทียนชัยที่สมบูรณ์
ในขณะที่รอให้เทียนที่แข็งตัวอยู่นั้น อาจารย์โพธิ์ก็กลับมาพร้อมน้ำผึ้งครึ่งบาตร
(การที่พระไปเอารวงผึ้งคั้นเอาน้ำผึ้งนี้ถือว่าผิดศีลข้อปาณาติบาต คือฆ่าสัตว์)
ขณะนั้นได้เวลาเพลพอดีจึงพากันฉันเพล
ติดตามตอนต่อไป
จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์โดยทีมงานเฉพาะกิจ
วิทยา
ประทุมธารารัตน์ บรรณาธิการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น