พระอาจารย์ทั้ง 5 สะดุ้งไปตาม ๆ กัน เพราะหนานน้อยหนานตาเล่นถามแทงใจดำเข้าบังเบ้อเร่อว่าไปทำไมมี
ที่มากันคราวนี้ ไม่ได้มุ่งเจริญภาวนาเอามรรคผลพระนิพพานแต่อย่างใด
ไม่ได้คิดจะเป็นพระอรหันต์ แต่อยากจะมาหาเหล็กไหลกายสิทธิ์มากกว่า
เพราะเรื่องเหล็กไหลในภูเขาควายเป็นที่เลื่องลือกันมาทุกยุคทุกสมัย ว่ามีเหล็กไหลอยู่ตามถ้ำน้อยใหญ่นับร้อย
ๆ ถ้ำ ผู้มีวาสนาบารมีสูงและมีวิชาอาคมแก่กล้า ย่อมสามารถเจรจากับชาวลับแลหรือเจ้าถ้ำ
เจ้าเขา “ขอเอา” เหล็กไหลได้เสมอ แต่ตัววาสนาบารมีน้อย บุญไม่ถึงและวิชาอาคาไม่เอาไหน
ก็มีหวังถูกชาวลับแลหรือพวกเทพที่เป็นยักษ์บริวารของท้าวเวสสุวัณฆ่าตายหมด
( เหล็กไหลที่พระอาจารย์ทั้ง 5 จะไปดูหรือตัดนี้เป็นเหล็กไหลโกฏิปี
ซึ่งเป็นเหล็กไหลที่มีฤทธิ์และอำนาจมากที่สุด คนทั่วไปไม่สามารถตัดได้ง่าย ๆ และถ้ำที่จะมีเหล็กไหลนั้นต้องเป็นถ้ำที่สะอาด
เหล็กไหลไม่ชอบสกปรก ถ้ำที่มีค้างคาวอยู่จะไม่มีเหล็กไหลเพราะมีขี้ค้างคาว และภายในถ้ำจะต้องมีสระเล็ก
ๆ อยู่ด้วย ขอแทรกข้อมูลโดยผู้เขียน กฤษฎา)
พระอาจารย์สมบูรณ์ วัดบ้านคุยเชือก
อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามได้ตอบว่า มีความสนใจเรื่องเหล็กไหลอยู่บ้าง
ไม่ทราบว่าโยมทั้งสองรู้เรื่องเหล็กไหลในภูเขาควายเป็นประการใด
นายน้อยได้กล่าวยืนยันว่า
เหล็กไหลในภูเขาควายมีจริง ฝ่ายนายตาก็ยืนยันบ้างว่า
มีคนหลายคนได้ไปเห็นเหล็กไหลในภูเขาควายมาแล้วแต่ไม่มีใครเอาได้
ส่วนมากถูกอภินิหารของเหล็กไหลฆ่าตาย ส่วนผู้ที่ไม่ตายก็เสียสติวิปลาสคางเหลืองทีเดียว
เป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัวมากเพราะเหล็กไหลมีอันตรายอย่างลึกลับมหัศจรรย์
“เหล็กไหลที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน?”
พระอาจารย์สมบูรณ์ถามเลียบเคียงดู นายน้อยตอบว่า “อยู่ในถ้ำสระบัว
ถ้ำนี้อยู่ในภูเขาควาย ต้องเดินบุกป่าฝ่าดงขึ้นเขาไปจากหมู่บ้านหัวดง
เป็นระยะทางไกลประมาณ 10 กิโลเมตร”
ติดตามตอนต่อไป
จากหนังสือเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์โดยทีมงานเฉพาะกิจ
วิทยา
ประทุมธารารัตน์ บรรณาธิการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น