เสียงดังตุ๊บ...เงาดำทะมึนปรากฏขึ้นที่ปากถ้ำ
เงาดำทะมึนนั้นปรากฏสูงใหญ่เคลื่อนไหวได้
ท่านลืมตามองดูด้วยความสนใจว่าสิ่งนั้นคือสัตว์อะไร
จากแสงดาวอันเลือนลางลักษณะคล้ายลิงใหญ่
ซึ่งใหญ่กว่าลิงธรรมดาและใหญ่กว่าคนอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว หลวงปู่แหวนก็ลืมตามองดูอยู่เหมือนกันทั้งสองนิ่งเงียบเฝ้ามองดูเงาดำอย่างสนใจ
มันเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้ากลิ่นสาปสางลอยเข้ามาในถ้ำจนรู้สึกได้
มันเคลื่อนไหวอยู่อย่างนั้นแต่ไม่เข้ามา
ฉับพลันก็มีแสงสว่างเขียวปั๊ดสองดวงเคลื่อนไหวไปมาคงจะเป็นลูกตาของสัตว์ประหลาดที่เปล่งออกมาในลักษณะโกธรหรือตกใจ
เงาดำหยุดนิ่งเพียงแต่ส่งแสงประกายเขียวปั๊ดเข้ามา ต่างฝ่ายต่างมองดูกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป
อีกฝ่ายหนึ่งอยากรู้แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ทราบเจตนา
“ท่านตื้อ ท่านตื้อ”
เสียงของหลวงปู่แหวนดังขึ้นเบา ๆ พระอาจารย์ตื้อรับดังอือ
“ท่านเห็นแล้ว” หลวงปู่แหวนดังขึ้นอีก
“เราเห็นแล้ว” พระอาจารย์ตื้อตอบ
“ทุกข์คืออะไร” หลวงปู่แหวนเอ่ยถาม
“ชาติปิทุกขา ชราปิทุกขา พยาธิปิทุกขา
มรณปิทุกขัง” พระอาจารย์ตื้อตอบตามหลักธรรม ที่ได้รับการสั่งสอนจากพระอาจารย์มั่น
เสียงถอนหายใจของหลวงปู่แหวนดังขึ้น
“เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นทุกข์
วิญญาณนั้นสาหัส ธรรมะเท่านั้นที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากการทรมานนั้น ๆ”
หลวงปู่แหวนเอ่ยช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ
เมื่อจบคำของหลวงปู่แหวน
ทั้งสองต่างก็พากันได้ยินเสียงสัตว์ประหลาดกรีดร้องโหยหวน ชวนให้ขนลุกด้วยความสยดสยอง
แล้วเงาดำทะมึนนั้นก็หายวับจากไป ป่าก็ระงมไปด้วยเสียงสัตว์กรีดปีกต่อไป
ติดตามตอนต่อไป
จากหนังสือประวัติอภินิหารพระเครื่อง หลวงปู่แหวนสุจิณโณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น