“สมเด็จ” กับ “เสด็จในกรม”
ได้ตกลงร่วมกันที่จะประกอบพิธีขึ้นที่วัดอนงคาราม
โดยใช้สถานที่ตั้งโรงพิธีทำการพุทธาภิเษก ระหว่างพระอุโบสถกับศาลาการเปรียญ
โรงพิธีนั้นสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
มีราชวัติฉัตรธงทั้ง 4 ทิศ
กลางโรงพิธีตั้งเตาสุมทองและหุ่น มีนายช่างรวม 8 คน
หัวหน้าชื่อ แจ่ม ช่างหล่อ กับพรรคพวกอีก 7 คน
นุ่งขาวห่มขาวแบบตาผ้าขาว หรือชีปะขาว
ส่วนในพระอุโบสถ
ตั้งโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระประธาน และตั้งเทียนชัยทางด้านฝาผนังข้างใน
ตรงข้ามกับพระประธาน ตั้งโต๊ะสี่เหลี่ยมสำหรับพระสวดภาณวาร 4
รูป รวมพระที่สวดทั้งหมด 12 รูป สวดตลอดสามวันสามคืน
โดยผลัดเปลี่ยนกันคราวละรูปไม่ขาดสาย
กลางพระอุโบสถ
มีพระผู้ทรงคุณทางสมถะวิปัสสนา นั่งบริกรรมหนึ่งท่าน คือ
พระพรหมมุนีเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาเป็น
สมเด็จพระสังฆราช (แพ)ผู้สร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ
อันลือเลื่องที่สุดของพระกริ่งไทย
รอบนอกของพระอุโบสถในเวลากลางคืนมีพระผู้ทรงคุณวุฒิ
นั่งบริกรรม ในกลดทิศละหนึ่งรูป ทั้งแปดทิศ ตลอดสามคืน ในจำนวนนี้มี พระมหาโต๊ะ
เปรียญสามประโยค วัดราชบูรณะ กรุงเทพฯ ท่านหนึ่ง นอกนั้นไม่ได้มีการบันทึกไว้
พระผู้ทรงคุณที่นั่งปรกในพระอุโบสถอีกรูปคือ
หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ ชัยนาท
เมื่อทำพิธีกรรมมาสามวันสามคืนแล้ววันที่สี่เวลาสิบนาฬิกาเช้า
พระพรหมมุนีได้มานั่งทำพิธีกลางพระอุโบสถ นั่งบริกรรมอยู่ชั่วโมงเศษ
ก็บอกแก่ช่างหล่อว่าได้ฤกษ์เททองได้แล้ว ช่างจึงได้เททองลงในหุ่นครบทุกองค์
ในขณะนั้นมีพระสงฆ์มาสวดมนต์ในพระอุโบสถประมาณ 61 รูป สวดพระธรรมจักรกัปปวัตนสูตรไปในขณะนั้นด้วย
สำหรับพระที่สร้าง มีพระพุทธรูปประจำพระองค์เสด็จในกรมหนึ่งองค์
พระประจำหม่อมของเสด็จในกรมหนึ่งองค์ พระประจำพระองค์หม่อมเจ้าเกรียงไกร
โอรสของเสด็จในกรมหนึ่งองค์ พระประจำพระองค์หม่อมเจ้าหญิงจงกลนี
พระธิดาในกรมหนึ่งองค์ กับได้สร้างพระพุทธรูปเล็กขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยอีกหนึ่งร้อยองค์
รวมทั้งพระชัยวัฒน์ ที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “พระชัย” ของหม่อมมิตรด้วย ในงานนี้เองก็ได้นำพระปรกใบมะขามเฒ่ามาปลุกเสกด้วย
โดย อ.ศิริวัฒน์
จากหนังสือลานโพธิ์ฉบับที่ 175
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น