เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงดังขึ้นที่หน้ากุฏิหลวงพ่อเขียนที่วัดวังตะกู
อ.บางมูลนาค พระในวัดโผล่หน้ามาดูกันสลอน
“มีอย่างที่ไหนกันวะ
เลี้ยงม้าไว้แล้วไม่ดูไม่แลให้มันเที่ยวได้ไปกินพืชผลของชาวบ้านเขาปลูกกันแทบตายโหงตาห่า
ถือว่าเป็นพระไม่มีใครกล้าด่าหรือวะ กูนี่แหละเฮ้ยอีมา
ทั้งวังตะกูเขากลัวปากกูทั้งนั้น”
ครับอ้ายเขียวยักษ์ เป็นม้าที่หลวงพ่อต้องจำใจเลี้ยงไว้
เพราะญาติโยมเอามาถวายให้ท่านได้เลี้ยงด้วยความศรัทธา
มันเคยพยศกัดหลวงพ่อลองดีหลายเขี้ยว
แต่ทำอะไรไม่ได้หลวงพ่อจึงต้องลงอักขระที่กีบเท้ามันป้องกันคนทำร้ายและมันก็ถูกยิงจนขนหลุดเป็นแปลงโดยฝีมือ
มรรคทายกนวม สามีของนางมาที่มายืนด่าหลวงพ่อเขียนปาว ๆ อยู่นั่นเอง
หลวงพ่อเขียนทนอยู่นานจนออกมาร้องบอกนางมาว่า
“พอทีเถอะยายมาแกด่าฉันมาจนเกินคุ้มข้าวของแกแล้วถ้าไม่หยุดปากเน่า”
“หนอยอย่ามาพูดดีเลยวะ
ปากกูกินเกลือกินปลาร้ามันจะเน่าอย่างไรให้มันรู้ไปด่าให้มันสะใจอย่างนี้แหละวะ”
อีกไม่กี่วันนางมาก็กินแกงร้อน ๆ
แล้วลวกปากพองกลายเป็นแผลเน่า ลุกขึ้นไปไหนมาไหนไม่ได้ปากเน่าเหม็น
แม้แต่ลูกผัวก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ เพราะเพียงแต่ได้กลิ่นปากก็แทบจะอาเจียน
มีคนไปบอกหลวงพ่อเขียนท่านหน้าสลดแล้วบอกว่ากูแช่งมันไปเอง
มันไม่เคยเห็นแก่ผ้าเหลืองของกู
หลวงพ่อให้ไปบอกนางมาให้เอาดอกไม้ธูปเทียนมาขมากรรมกับหลวงพ่อ
นางมาได้ให้ญาติพยุงกันมาขอขมาแทบบาทหลวงพ่อ จากนั้นแผลก็หายวันหายคืน
จากหนังสือฤทธิ์อภิญญาจิตเกจิอาจารย์
โดยประเจียด คงศาสตรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น